“BBIK”เปิดกลยุทธ์M&Aสร้างการเติบโตตั้งเป้า3ปีโต3.8เท่าจากปัจจุบัน

Categories : Update News, Stock Market

Public : 09/01/2022
"BBIK " ลั่นถึงเวลา " ทรานฟอร์มสู่โกรทพาสเนอร์เติบโตในระยะยาวคู่กับลูกค้า "จากบริษัทวางกลยุทธ์และที่ปรึกษาทรานฟอร์มธุรกิจ เปิดกลยุทธ์สร้างการเติบโต ด้วย M&A   -รุกขยายงานตปท.ลั่นย้ายเข้า SET ใน 3 ปี นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บลูบิค กรุ๊ป (BBIK) เปิดเผยว่า ภายหลังบริษัทเข้าระดมทุนแลจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์maiซึ่งจะครบ 1ปี ในวันที่ 16 ก.ย. นี้ ตลอด1ปีของการเป็น บจ . บริษัทมีการเติบโตทุกๆด้าน  ทั้งผลดำเนินงาน ทั้งการขนาดมาร์เก็ตแคป และองค์กรจากพนักงาน 100 คนสู่ 350 คน ที่เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการให้บริการกับลูกค้าซึ่งเป็นองค์กรขนาดใหญ่ทั้งใน SET50และSET100 ที่ให้บริษัทเข้าไปเป็นที่ปรึกษาและวางกลยุทธ์ในการทรานฟอร์มธุรกิจสู่ดิจิทัล   ธุรกิจ ยังมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องใน 5 ปีและจะทำให้บริษัทเติบโตได้ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามเพื่อเพิ่มความสามารถในการเติบโตให้มากกว่าที่ผ่านมา ที่ในแต่ละปีรายได้บริษัทจะเติบโตได้ประมาณ 70%   บริษัทได้เพิ่มกลยุทธ์การทำธุรกิจ ด้วยการวางแผนจะเข้าซื้อกิจการ (M&A) และขยายกิจการออกไปต่างประเทศมากขึ้น โดยมีเป้าหมายว่า ใน3ปีข้างหน้านี้บริษัทจะเติบโตเพิ่มขึ้น  3 .8เท่าตัวจากปีนี้ราว 500 ล้านบาท ซึ่งตอนนี้สิ่งที่เราต้องทำ คือ ทำให้บริษัทมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากที่นักลงทุนและผู้ถือหุ้นได้ให้ความคาดหวังกับบริษัทเรา ทำให้เราต้องขยายงานให้ได้มากกว่าที่ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนคาดหวัง นายพชรกล่าวว่า ธุรกิจที่จะเข้าM&A  คือ  ธุรกิจพัฒนาแพลตฟอร์มในประเทศไทยอย่างน้อย 1 ดีล ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลที่บริษัทสนใจ โดยจะใช้เงินลงทุนในหลักร้อยล้านบาท  และอีกหนึ่งกลุ่มเทคโนโลยีเป้าหมายที่บริษัทต้องการเข้าไปควบรวมกิจการ คือ ธุรกิจด้านที่ปรึกษาการทำ Digital Transformation และการพัฒนาด้านระบบ Delivery ซึ่งถือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่จะสร้างโอกาสใหม่ๆ เข้ามาให้กับบริษัทได้อีกมากมาย ซึ่งเงินทุนที่จะใช้ส่วนหนึ่งจะมาจากเงินไอพีโอที่เหลืออยู่กว่า300ล้านบาท และอนาคตบริษัทอาจมีช่องทางอื่นๆในการหาทุนมาใช้ในการขยายธุรกิจและซื้อกิจการ สำหรับแผน การรุกตลาดต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น เพื่อเปิดโอกาสในการขยายงานในการรับงานที่เกี่ยวข้องกับ Digital Transformation ของกลุ่มลูกค้าในต่างประเทศ ซึ่งช่วยสร้างโอกาสในการผลักดันการเติบโตให้กับผลการดำเนินงานของบริษัทอย่างก้าวกระโดดในอนาคต และก้าวขึ้นการเป็นบริษัทเทคโนโลยีในระดับโลก โดย ช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้จัดตั้งบริษัทย่อยในประเทศอังกฤษ เพื่อเป็นการรองรับการเข้ารับงานบริการและที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลให้กับลูกค้าในยุโรปที่ยังเป็นกลุ่มประเทศที่มีความต้องการในการพัฒนาและเพิ่มศักยภาพในด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลในองค์กรเป็นจำนวนมาก ทำให้บริษัทสามารถเข้าไปคว้าโอกาสในการรับงานเข้ามาเสริมรายได้และเป็นการสร้างฐานลูกค้าใหม่ในกลุ่มประเทศยุโรปให้รู้จัก BBIK มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันได้รับงานในอังกฤษมาแล้วราว 40 ล้านบาท จะทยอยรับรู้รายได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ และจะทำให้สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศของบริษัทเพิ่มเป็น 15-20% จากปัจจุบันอยู่ที่ 10-15% ขณะเดียวกันบริษัทยังมองเห็นโอกาสรุกตลาดในอาเซียนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเวียดนาม ที่บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาโอกาสในเรื่องความต้องการในการพัฒนาระบบดิจิทัลของผู้ประกอบการต่างๆ และศึกษาภาวะการแข่งขันของบริษัทเทคโนโลยีในเวียดนาม หากมีโอกาสที่ดีก็จะเข้าไปจัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อรับงานในเวียดนามโดยตรง รวมถึงการขยายในตลาดยุโรปโซนอื่นๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะโซนยุโรปตะวันออกที่บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาและมีความสนใจเข้าไปจัดตั้งบริษัทย่อย นายพชร เปิดเผยอีกว่า บริษัทคาดว่าผลประกอบการปีนี้จะเติบโตอย่างโดดเด่นไม่ต่ำกว่า 70% โดยมีมูลค่างานในมือ (Backlog) แล้ว 448 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปีนี้ 226 ล้านบาท ขณะที่ 6 เดือนแรกของปีบริษัทมีรายได้รวม 243.19 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 62 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีรายได้ 126.9 ล้านบาท หรือเติบโต 92% และมีกำไรสุทธิ 30 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 105% โดยมีสัดส่วนการรับรู้รายได้แบบประจำ (Recurring Income) ราว 46% ของรายได้รวม ขณะที่ผลประกอบการในด้านรายได้ของปี 64 อยู่ที่ 303 ล้านบาท สำหรับการนำ BBIK ย้ายจากตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) บริษัทมีแผนย้ายเข้า SET ในช่วง 3 ปีนี้ แต่ขณะนี้ยังติดเกณฑ์ทุนจดทะเบียนที่ยังน้อยกว่าเกณฑ์ของ SET ที่จะต้องมีขั้นต่ำ 300 ล้านบาท แต่ BBIK มีทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 50 ล้านบาท แม้ว่ากำไร และ Market cap จะเป็นไปตามเกณฑ์แล้วก็ตาม ดังนั้น บริษัทจะหาแนวทางย้ายเข้า SET