ต่างชาติซื้อสุทธิ 5.7หมื่นล้านดันดัชนีหุ้นเดือนส.คบวก4%

Categories : Update News, Stock Market

Public : 09/06/2022
ตลาดหุ้นไทยยังแข็งแกร่งท่ามกลางความผันผวนจากปัจจัยกดดันทั้งเงินเฟ้อและเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยแรงเพื่อสกัดเงินเฟ้อ !เดือนส.คต่างชาติซื้อสุทธิ 5.7 หมื่นล้านดันดัชนีบวก 4% จากเดือนก่อนหน้า  ยอดระดมทุนยังแรงกว่ากว่า 5แสนล้าน  

    ตลาดหุ้นทั่วโลกให้ความสำคัญกับสุนทรพจน์ของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในงาน Jackson  Hole Symposium ที่ส่งสัญญาณค่อนข้างชัดเจนว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายต่อไปจนกว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อสหรัฐฯ จะผ่อนคลาย ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ทั้งระยะสั้นและระยะยาวเร่งตัวขึ้นหลังการแถลงสุนทรพจน์ดังกล่าว และส่งผลกระทบกับอัตราแลกเปลี่ยนและราคาสินทรัพย์ทั่วโลก

 

 ดร.ศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า  ใน 8 เดือนแรกปี 2565 แม้จะมีความไม่แน่นอนจากนโยบายการเงินของธนาคารกลางในหลายประเทศ แต่ SET Index มีความผันผวนน้อยกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์หลักอื่นๆ

สาเหตุหลักมาจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวดีต่อเนื่องจากภาคท่องเที่ยวและการบริโภคในประเทศ อีกทั้งผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรกที่เติบโตดี โดยเฉพาะในไตรมาส 2/2565 ที่บริษัทจดทะเบียน (บจ.) มีกำไรสุทธิรวม 3.5 แสนล้านบาท

นอกจากนี้ Historical และ Forward PE ratio ของ SET Index ยังมีความน่าสนใจเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมา รวมถึง บจ. มีโอกาสเพิ่มอัตราจ่ายปันผลสูงขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับผลการดำเนินงาน

อีกทั้งธนาคารแห่งประเทศไทยยกเลิกการจำกัดอัตราจ่ายเงินปันผลของธนาคารพาณิชย์ทำให้อัตราการจ่ายปันผลในอนาคตมีแนวโน้มดีขึ้น

 

"  ด้วยปัจจัยบวกที่แข็งแกร่งทั้งเศรษฐกิจไทยที่เริ่มฟื้นตัวชัดเจนการท่องเที่ยวกลับมาพูดกันถึงตัวเลข 8-10ล้านคนการส่งออกที่ขยายตัวดี  บจ.กำไรแข็งแกร่ง ประกอบกับเดือนสค.ตลาดหลักทรัพย์จัดงานใหญ่ให้สถาบันฟังข้อมูลตรงจากทางการ พบ บจ .หนุนให้ ต่างชาติซื้อสุทธิในเดือน ส.คเดือนเดียว 5.7หมื่นล้านทพสถิติซื้อมากสุดมากกว่า 6เดือน" ดร.ศรพล กล่าว 

 

   ดร.ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยยังได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติแม้ว่าจะมีความเสี่ยงเรื่องเงินเฟ้และดอกเบี้ยที่ทำให้ตลาดหุ้นผันผวน และหากดูจากเม็ดเงินต่างชาติที่เข้ามาซื้อสุทธิ1.7แสนล้านจากต้นปีถึงปัจจุบันและหุ้นไทยเป็นตลาดแรกๆที่ต่างชาติเลือกเข้ามาลงทุนสะท้อนถึงความแข็งแร่ง อีกทั้งหากดูตัวเลขการระดมทุนในตลาดรองยังอยู่ในระดับสูงกว่า 5 แสนล้านบาท เพื่อนำไปขยายการลงทุน ก็สะท้อนว่าตลาดหุ้นยังคงได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุน

 " ยังคงย้ำและอยากเตือนนักลงทุนทุนให้ระมัดระวังการลงทุน เพราะขณะนี้ช่องทางการเข้าถึง การใช้โซเชียลมีเดียในการชักชวนลงทุนโดยอ้างผลตอบแทนสูงๆ ต้องระมัดระวัง "

 

ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2565 SET Index ปิดที่ 1,638.93 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 4.0% จากเดือนก่อนหน้า โดยปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าค่าเฉลี่ยดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นในภูมิภาค และเมื่อเทียบกับสิ้นปี 2564 SET Index ปรับลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 1.1%

SET Index ใน 8 เดือนแรกปี 2565 ได้แรงหนุนจากอุตสาหกรรมที่ได้รับอานิสงส์จากการกลับมาเปิดเมือง โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2564 ได้แก่ กลุ่มบริการ และกลุ่มทรัพยากร

ในเดือนสิงหาคม 2565 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 75,205 ล้านบาท ลดลง 18.8% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ใน 8 เดือนแรกปี 2565 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 82,747 ล้านบาท โดย ผู้ลงทุนต่างชาติที่ซื้อสุทธิถึง 57,014 ล้านบาท ทำให้ใน 8 เดือนแรกปี 2565 ผู้ลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิรวม 170,744 ล้านบาท อีกทั้งผู้ลงทุนต่างประเทศมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5

ในเดือนสิงหาคม 2565 มีบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ซื้อขายใน SET 1 บริษัท ได้แก่ บมจ. ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ (TGE) และใน mai 1 บริษัท ได้แก่ บมจ. ยงคอนกรีต (YONG) โดยมูลค่าระดมทุนรวมในหุ้น IPO ของไทยปี 2565 อยู่ยังในระดับต้นๆ ของเอเซีย

Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2565 อยู่ที่ระดับ 15.7 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 12.6 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 16.7 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 13.2 เท่า

อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2565 อยู่ที่ระดับ 2.78% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 3.00%