คลัง – ธปท ประชุมจับตาผลกระทบเฟดขึ้นดอกเบี้ย

คลัง ธปท จับตาผลกระทบเฟดขึ้นดอกเบี้ย ดู 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ เงินเฟ้อ การเคลื่อนย้ายเงินทุน และการขยายตัวของเศรษฐกิจ

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้หารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อติดตามสถานการณ์ภาพรวมเศรษฐกิจไทย หลังธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.75%  ซึ่งถือเป็นไปตามคาดการณ์ เพื่อลดความร้อนแรงของการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่ง เฟด ตั้วงเป้าหมายจะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้นเป็น 4-4.5% ซึ่งการปรับขึ้น 2 ครั้งที่ผ่านมาถือว่า ได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยมาครึ่งทางแล้ว

ทั้งนี้ จากการหารือกับ ธปท. ได้ให้ความสำคัญในการดูผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยครั้งนี้ ใน 3 เรื่อง ได้แก่

1 การขึ้นดอกเบี้ย มีผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้ออย่างไร เพราะจะส่งผลถึงต้นทุนด้านพลังงานด้วย ซึ่งขณะนี้ราคาน้ำมันได้ลงมาต่ำกว่า 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลแล้ว อยู่ที่ระดับประมาณ 90-95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับที่รัฐบาลบริหารจัดการได้

2 เงินทุนไหลออกมากน้อยเพียงใด แต่จากการรายงานยังไม่พบว่า มีเงินทุนไหลออกผิดปกติ

3 การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่ง ธปทง อยากให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างปกติ

อย่างไรก็ดี ในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของแต่ละประเทศก็มีความแตกต่างกัน เพราะเพิ่งผ่านสถานการณ์โควิด และยังต้องคำนึงถึงการดำเนินนโยบายท่ามกลางสถานการณ์ความไม่สงบ สงครามระหว่างประเทศ

แต่ในส่วนของเศรษฐกิจไทย ปีนี้คาดว่า เศรษฐกิจจะมีอัตราการขยายตัวที่  3-3.5% โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกที่ได้รับอานิงสงส์จากการอ่อนตัวของค่าเงินบาท และการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวถึง 8  ล้านคน ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปีนี้