“AWC”ปักธงสู่ความยั่งยืน 5 ปีทุ่มลงทุนแสนล้านลงทุน-วิกฤตโควิดเป็นโอกาสซื้อโรงแรม-200แห่งเสนอขาย
Categories : Update News, Stock Market
Public : 10/28/2022"AWC"ปักธงสู่ความยั่งยืน 5 ปีทุ่มลงทุนแสนล้านลงทุน พร้อมผนึกกำลัง ททท. -เอกชนร่วมผลักดันท่องเที่ยวไปให้เติบโตแบบยั่งยืน "จ่อ"ช้อปโรงแรมที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด19ที่ทยอยมาให้เลือกกว่า 200แห่ง
นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เปิดเผยว่าบริษัทมีเป้าหมายชัดเจนที่จะเเนินธุรกิจโดยเน้นในเรื่องของความยั่งยืน และในแผนลงทุน 5ปี ของ AWCที่จะใช้งบลงทุนประมาณ 1แสนล้านบาทนั้นก็จะเน้นลงทุนและทำให้โรงแรมในพอร์ตของบริษัททั้งหมดเป็นการลงทุนเพื่อความยั่งยืน
“AWC มุ่งมั่นในพันธกิจ “สร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่า” เพื่อส่งมอบคุณค่าให้กับผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยอย่างยั่งยืนและ เชื่อมั่นว่าการรวมพลังและความร่วมมือจากทุกภาคส่วนจะสามารถร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่การเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก โดย AWC ได้ร่วมมือตอบรับนโยบายกับทาง ททท. พันธมิตรทางภาครัฐ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันและเป็นศูนย์กลางรวบรวมผู้ประกอบการทั้งหมดมาร่วมสร้างคุณค่าให้กับการท่องเที่ยวยั่งยืนของไทยไปด้วยกัน รวมทั้ง AWC ได้ร่วมวิสัยทัศน์ความยั่งยืนกับพันธมิตรภาคเอกชน สถาบันการเงินชั้นนำ และเครือโรงแรมระดับโลก อาทิ เครือแมริออท บันยันทรี โอกุระ ฮิลตัน IHG และมีเลีย ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของการท่องเที่ยวยั่งยืนและร่วมผลักดันเพื่อสร้างเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง รวมถึงภาคประชาสังคมและชุมชน เพื่อโครงการต่างๆ ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาต่อเนื่อง เพื่อความยั่งยืนในระยะยาว”

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา AWC มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจตามแผนกลยุทธ์ความอย่างยั่งยืนตลอดการะบวนการดำเนินงาน และโครงการต่างๆ ของ AWC อาทิ โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก, อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล ได้เป็นโรงแรมแห่งแรกของโลกที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 20121 ซึ่งเป็นมาตรฐานด้านการจัดงานอย่างยั่งยืน ซึ่ง AWC และพันธมิตรจากภาคส่วนต่างๆ ที่จะร่วมผนึกกำลังสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนร่วมกันในกรอบการดำเนินงานการพัฒนาอย่างยั่งยืน 3 เสาหลัก 6 มิติ หรือ 3BETTERs ได้แก่
1) สิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น (BETTER PLANET) การผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการดำเนินธุรกิจตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ตั้งแต่กระบวนการวางแผนและก่อสร้าง การจัดการ และการบริหารงาน ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรในการบูรณาการกรอบแนวคิดในระดับสากลเข้ามาใช้ในการพัฒนาโครงการตามมาตรฐานอาคารสีเขียว ทั้งผู้ผลิตวัสดุอุปกรณ์ ผู้รับเหมา ที่ปรึกษาโครงการ และอื่นๆ ต่อเนื่องถึงพันธมิตรในด้านการจัดการและบริหารการดำเนินงานที่จะร่วมรวมพลัง เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ 2) คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น (BETTER PEOPLE) การพัฒนาบุคคลากรทั้งภายในและภายนอกองค์กร การยกระดับการดำเนินงานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย และการส่งเสริมคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีของสังคมและชุมชน ผ่านความร่วมมือกับชุมชนท้องถิ่นในการเสริมสร้างความรู้และพัฒนาอาชีพ เพื่อสร้างรายได้อย่างยั่งยืนผ่านโครงการ “เดอะ GALLERY” ที่มุ่งจัดจำหน่ายสินค้าฝีมือคนในชุมชน อีกทั้งยังเป็นอีกช่องทางที่ช่วยชุมชนเพิ่มมูลค่างานศิลปะ ซึ่ง AWC ตั้งใจขอชวนพันธมิตรและชุมชนติดต่อ เดอะ GALLERY เพื่อเพิ่มสินค้าและผลงานศิลปะเพื่อเป็นช่องทางการขาย ผ่านโครงการต่างๆ ของ AWC ทำการตลาดถึงลูกค้าจากทั่วโลก 3) เศรษฐกิจที่ดีขึ้น (BETTER PROSPERITY) การผลักดันให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจและกระตุ้นความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจในวงกว้าง โดยวางแผนกลยุทธ์องค์กรให้สอดคล้องกับแผนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผ่านการลงทุนพัฒนาบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่หลากหลายของบริษัทฯ สร้างงาน สร้างรายได้สู่ชุมชนและธุรกิจท้องถิ่น สร้างคุณค่าทวีคูณและธุรกิจองค์รวม (Ecosystem) ที่แข็งแกร่ง เพื่อยกระดับประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก อีกทั้งส่งเสริมให้เศรษฐกิจประเทศเติบโตอย่างก้าวกระโดด
“AWC ตระหนักถึงความสำคัญของการท่องเที่ยวยั่งยืน และยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมผนึกกำลังกับ ททท. และพันธมิตรตลอดห่วงโซ่คุณค่าเพื่อขับเคลื่อนการท่องเที่ยวยั่งยืน ยกระดับประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก และ "สร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่า" ให้กับประเทศไทย ซึ่งทาง AWC ร่วมกับพันธมิตรทุกภาคส่วนและเครือโรงแรมระดับโลกพร้อมตั้งเป้านำกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการในเครือทั้งหมดผ่านการรับรองมาตรฐาน “SHA” ด้านส่งเสริมท่องเที่ยวยั่งยืนของ ททท. รวมไปถึงเป้าหมายผลักดันความเป็นกลางทางคาร์บอน และไม่มีขยะฝังกลบจากการดำเนินงาน ภายในปี 2573” นางวัลลภา กล่าว
ปัจจุบัน พอร์ตโฟลิโอของ AWC ประกอบด้วย กลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ 19 แห่ง กลุ่มศูนย์การค้า 9 แห่ง กลุ่มอาคารสำนักงาน 4 แห่ง และกลุ่มธุรกิจค้าส่ง 2 แห่ง รวม 34 แห่ง และอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการใหม่อีก 15 โครงการรวมถึงโครงการอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง โฮเทล โรงแรม อินน์ไซด์ กรุงเทพ สุขุมวิท ซึ่งถือเป็นโครงการที่ก่อสร้างโดยคำนึงถึงมาตรฐานอาคารสีเขียว และได้รับการรับรองมาตรฐาน EDGE ซึ่งเตรียมเปิดให้บริการภายในต้นปี 2566 AWC ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาโครงการภายใต้แผนกลยุทธ์การพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการรับรองอาคารสีเขียวที่ให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรจากพื้นฐาน อาทิ โครงการอควาทีค เดอะบีชฟรอนท์ พัทยา ซึ่งตั้งเป้าให้ได้รับการรับรอง LEEDภายในปี 2569 และโครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ส่วนต่อขยายที่ตั้งเป้าให้ได้รับการรับรอง LEED & WELL ภายในปี 2572"
นางวัลลภา กล่าวถึงการทำธุรกิจภายใต้สถานการเปลี่ยนแปลงจากเศรษฐกิจทั้งดอกเบี้ยและเงินเฟ้อขาขึ้นซึ่งมีผลกระทบต่อต้นทุนการดำเนินงานและการลงทุนในการก่อสร้างโรงแรมใหม่ๆว่า บริษัทจะเน้นให้ให้ความสำคัญในการบริหารจัดการในเรื่องของต้นทุนทั้งด้านการเงินและการก่อสร้าง ซึ่งในส่วนของการเงินนั้นจะเน้นในเรื่องของการเร่งสร้างสภาพคล่องให้กับเข้ามา ทั้งจากโรงแรมและที่ศูนย์การค้าที่ให้บริการ ส่วนเรื่องดอกเบี้ยนั้น ด้วยหนี้สินต่อทุนที่ยังอยู่ในระดับต่ำทำให้ไม่กังวลและเงินกู้ส่วนใหญ่ยังเป็นเงินกู้ระยะยาวและบริษัทก็จะให้ความสำคัญในเรื่องนี้
นอกจากนี้บริษัทยังสนใจที่จะสร้างการเติบโตด้วยการซื้อกิจการ ซึ่งยอมรับว่า ขณะนี้โอกาสในการซื้อกิจการเปิดมากเพราะหลังจากเกิดวิกฤตโควิด19มีโรงแรมที่เข้ามาเสนอให้เข้าซื้อกิจการมากกว่า 200 แห่งซึ่งบริษัทก็จะต้องพิจารณาในการเข้าซื้อและในการดูก้จะต้องดูว่าโรงแรมไหน ขนาดเท่าไรอย่างไรและซื้อแล้วจะเข้ามาสนับสนุนพอร์ตของ AWCอย่างไร ส่วนเงินลงทุนในการซื้อโรงแรมนั้นก็จะต้องนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการก่อนและบริษัทมีเงินทุนพร้อมและเพียงพอในการเข้าซื้อ