วิกฤต “เจอ จ่าย ยังไม่จบ” คปภ.เดินแก้กฎหมายประกันให้อยู่ภายใต้สัญญาไม่เป็นธรรม หวังสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน

Categories : Update News, Insurance

Public : 11/07/2022

 คปภ.เร่งเครื่องสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน หลังเจอพิษประกันโควิด "เจอ จ่าย จบ" ลุยแก้คำสั่งนายทะเบียนใหม่ให้กรมธรรม์อยู่ภายใต้ พ.ร.บ.สัญญาไม่เป็นธรรม พร้อมเสนอรัฐบาลแก้กฎหมาย ให้นับเวลาย้อนหลัง 1 ปี บอร์ดหรือผู้บริหารบริษัทประกันที่ถูกคำสั่งปิดกิจการ ห้ามไปนั่งบริหารงานที่อื่นอีก

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) กล่าวถึงปัญหาระกันภัยโควิด-19 แบบ "เจอ จ่าย จบ"ว่า ขณะนี้ทางคปภ. ได้ดำเนินการเชิงรุกเพื่อเร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่นของธุรกิจประกันภัยให้กลับคืนมาโดยเร็ว โดยมีการเร่งปรับปรุงกลไกในการกำกับดูแลแบบ proactive actions และบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อนภารกิจเร่งด่วนดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ ยังได้คำนึงถึงการป้องกันปัญหาเช่นเดียวกับกรณีประกันภัยโควิด-19 แบบ เจอ จ่าย จบ ไม่ให้เกิดขึ้นอีก โดยมีแผนดำเนินการ ดังนี้

  • ออกคำสั่งนายทะเบียนเพื่อตีความเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัย ในข้อที่เกี่ยวกับการบอกเลิกสัญญาประกันภัยให้ชัดเจนและสอดคล้องกับพระราชบัญญัติว่าด้วย ข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ. 2540 เพื่อเป็นการอุดช่องว่างและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากประกันภัยโควิด-19 ที่ผ่านมา ซึ่งมีบริษัทประกันภัยบางแห่งนำเงื่อนไขไปใช้หรือตีความถ้อยคำที่ไม่สอดคล้องกับกฎหมาย จนนำไปสู่ปัญหาการบอกเลิกกรมธรรม์ประกันภัยโควิด-19 ทั้งนี้ เงื่อนไขการบอกเลิกสัญญาที่ปรากฏอยู่ในกรมธรรม์ประกันภัย เป็นเงื่อนไขที่ไม่ผิดกฎหมาย แต่การนำเงื่อนไขไปใช้ต้องคำนึงถึงความเป็นธรรมและการปฏิบัติตามกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงหลักความสุจริตประกอบด้วย อีกทั้ง ข้อความที่ปรากฏอยู่ในเงื่อนไขก็ไม่ได้อนุญาตให้บริษัทประกันภัยสามารถบอกเลิกสัญญาได้ตามอำเภอใจแบบเหมาเข่ง โดยที่ผู้เอาประกันภัยไม่ได้เป็นฝ่ายผิดเงื่อนไขในสาระสำคัญ ยิ่งไปกว่านั้น พระราชบัญญัติว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ. 2540 ได้บัญญัติไว้อย่างชัดเจนว่า ต้องตีความในทางที่เป็นคุณแก่ผู้เอาประกันภัยซึ่งเป็นผู้บริโภค ดังนั้น บริษัทจึงไม่อาจใช้หรือตีความเงื่อนไขดังกล่าวในทางที่เป็นโทษแก่ผู้เอาประกันภัยได้
  • แนวทางการดำเนินการเพื่อคุ้มครองประชาชนผู้เอาประกันภัย กรณีบริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน)

"เมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา ทุกท่านคงได้ทราบข่าวที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) ฟื้นฟูกิจการและตั้งบริษัทเป็นผู้ทำแผน ภายหลังศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งดังกล่าว เพื่อเป็นการกำกับดูแลในระหว่างกระบวนการฟื้นฟูกิจการ นายทะเบียนด้วยความเห็นชอบของคณะกรรมการ คปภ. ได้มีคำสั่งโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 52 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม สั่งให้บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) แก้ไขฐานะและการดำเนินการของบริษัท ซึ่งการออกคำสั่งนายทะเบียนนี้จะช่วยให้สำนักงาน คปภ. สามารถติดตามการแก้ไขฐานะทางการเงิน การดำเนินงานของบริษัท พร้อมทั้งคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนได้เต็มที่ โดยกำหนดให้บริษัทต้องรายงานความคืบหน้าการดำเนินการให้สำนักงาน คปภ. ทราบ ทุก 7 วัน" เลขาธิการคปภ.กล่าว

 สำหรับขั้นตอนกระบวนการฟื้นฟูกิจการ บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) ภายหลังที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้บริษัทฟื้นฟูกิจการและตั้งผู้ทำแผน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กำหนดวันประกาศคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการและตั้งผู้ทำแผนในหนังสือพิมพ์และราชกิจจานุเบกษา วันที่ 20 ธันวาคม 2565 ส่งผลให้ผู้ทำแผนต้องนำส่งแผนฟื้นฟูกิจการต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ภายใน 3 เดือนนับจากวันโฆษณาคำสั่งตั้งผู้ทำแผน (ขอขยายได้ 2 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 1 เดือน) คือ ช้าที่สุดไม่เกิน 20 พฤษภาคม 2565 จากนั้นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะส่งแผนฟื้นฟูกิจการให้เจ้าหนี้ (ประมาณ 1 เดือนนับจากวันที่ได้รับแผน) กรอบเวลาน่าจะไม่เกินเดือนมิถุนายน 2566 และจะมีการจัดประชุมเจ้าหนี้เพื่อพิจารณาลงมติออกเสียงในแผนฟื้นฟูกิจการ (ประมาณ 2 เดือนนับจากวันที่ได้รับแผน) กรณีที่ประชุมเจ้าหนี้มีมติไม่รับแผน ศาลจะพิจารณาเป็นการด่วนก่อนมีคำสั่งยกเลิกคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ สำหรับกรณีที่ประชุมเจ้าหนี้มีมติรับแผน ศาลพิจารณาแผนฟื้นฟูกิจการดังกล่าวเพื่อมีคำสั่งเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบด้วยแผน ซึ่งหากศาลเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการ ก็จะดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการ ซึ่งแผนฟื้นฟูกิจการมีระยะเวลาตามกฎหมายไม่เกิน 5 ปี ขยายได้ไม่เกิน 2 ครั้ง ครั้งละ 1 ปี ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่กำหนดในแผน หากดำเนินการตามแผนแล้วเสร็จ ศาลจะมีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการ

ในระหว่างนี้ สำนักงาน คปภ. ได้มีการประสานงานกับกรมบังคับคดีเกี่ยวกับแนวทางการดูแลประชาชนผู้เอาประกันภัย ซึ่งการแก้ไขฐานะการเงินของบริษัทคาดว่าจะมีความชัดเจนเมื่อบริษัทส่งแผนการฟื้นฟูกิจการต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ภายใต้ระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด และในระหว่างนี้บริษัทยังคงอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ 3 หน่วยงาน ได้แก่ ศาลล้มละลายกลาง กรมบังคับคดี โดยเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ และสำนักงาน คปภ. ตามกฎหมายว่าด้วยการประกันวินาศภัย

"อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ (7 พ.ย.) ทาง คปภ.จะเข้าไปชี้แจงให้วิปรัฐบาลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายกลุ่มควบรวมบริษัทและความรับผิดของบริษัทประกันภัยรับทราบถึงปัญหาและข้อเสนอของคปภ. เพื่อวางแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเช่นเดียวกับบริษัทประกันภัยที่ถูกสั่งปิดไปเนื่องจากเหตุการณ์ประกัน "เจอ จ่าย จบ" อีก โดยเราจะเสนอว่า ถ้าจะมีการแก้ไขหรือออกกฎหมายใหม่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการควบรวมบริิษัทและความรับผิดของบริษัท  หากบริษัทนั้นมีปัญหาหรือถูกปิดไป  ให้นับเวลาย้อนหลัง 1 ปี ผู้บริหารหรือคณะกรรมการบริษัทในช่วงนั้น จะไม่มีคุณสมบัติไปนั่งบริหารบริษัทอื่นได้ ซึ่งจะเป็นการแก้ไขปัญหาระยะยาวด้านกฎหมายควบคุู่กันไปอีกทางหนึ่ง "นายสุทธิพล กล่าว