ตลท.งัดตัวเลขการเงินสำคัญโชว์ บจ.ไทยยังแข็งแกร่งแม้นทั้งปี67ดัชนีหุ้นให้ผลตอบแทนเป็นลบ1.10%-เล็งออกเกณฑ์ให้ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนเปิดเผยข้อมูลจำนำหุ้น
Categories : Update News, Stock Market
Public : 01/08/2025ตลท.งัดตัวเลขการเงินสำคัญโชว์ บจ.ไทยยังแข็งแกร่งแม้นทั้งปี 67 ดัชนีหุ้นให้ผลตอบแทนเป็นลบ 1.10% มองปีนี้หน้าจะดีต่อจากท่องเที่ยวและนโยบายรัฐบาล ส่วนทรัมป์เวอร์ชั่น 2.0 จะส่งผลอย่างไรต้องติดตาม หลังเวอร์ชั่นแรกพบการเคลื่อนย้ายเงินทุนกว่า1.2แสนล้านดอลลร์ - เล็งออกเกณฑ์ให้ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนเปิดเผยข้อมูลจำนำหุ้น
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า SET Index ในปี 2567 ปิดในระดับที่แทบไม่แตกต่างจากปีก่อนหน้า โดยตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี
ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2567 SET Index ปิดที่ 1,400.21 จุด ทำให้ช่วงครึ่งหลังของปี 2567 SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 7.6% ส่งผลให้ตั้งแต่ต้นปีถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2567 SET Index ปรับลดลงเพียง 1.1%
นอกจากนั้นนักวิเคราะห์ยังประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2567 และปี 2568 ยังสามารถขยายตัวได้ดี นำโดยภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว แต่อาจเผชิญความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้าที่สูงขึ้น
• เดือนธันวาคม 2567 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2566 ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มการเงิน
• มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 40,704 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.8% จากเดือนธันวาคม 2566ขณะที่ในปี 2567 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 46,551 ล้านบาท ลดลง 12.7% จากปีก่อน อย่างไรก็ตาม เห็นสัญญาณเกี่ยวกับมูลค่าการซื้อขายผู้ลงทุนสถาบันในประเทศเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับสูงกว่า 10% ของมูลค่าซื้อขายทั้งหมด สามเดือนต่อเนื่อง
• เดือนธันวาคม 2567 มีบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ซื้อขายใน SET 1 หลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ. โรงพยาบาลนครธน (NKT) และ ใน mai 1 หลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ. อินสไปร์ ไอวีเอฟ (IVF)
• Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2567 อยู่ที่ระดับ 16.0 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 12.8 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 18.8 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 14.6 เท่า
• อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2567 อยู่ที่ระดับ 3.45% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 3.17%
"ในปี2567แม้ภาพรวมดัชนีหุ้นไทยให้ผลตอบแทนเป็บลบแต่หากดูในรายละเอียดจะพบว่าบริษัทจดทะเบียน(บจ)ไทยกว่า 70%มีกำไรสุทธิ และบจ.ประมาณ30%มีอัตราผลตอบแทนส่วนผู้ถือหุ้น(ROE)มากกว่า 10%และบจ.กว่า 50% มีค่าพีอี น้อยกว่า20เท่าและ71%มีสัดส่วนหนี้ต่อทุน1.50เท่า "
นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่าถึงกรณีทรัมป์รับตำแหน่งสมัย2ว่าจะต้องรอดูการประกาศนโยบายว่าจะส่งผลอย่างไรแต่หากดูจากการดำรงตำแหน่งสมัยแรกนั้นจะพบว่ามีการเคลื่อนย้ายเงินทุนกว่า1.2แสนล้านดอลลล์และเป็นเงินที่มาประเทศไทยประมาณ10%ซึ่งในรอบนี้ก็จะต้องดูว่าบจ.และประเทศไทยจะสามารถดึงเม็ดเงินที่มีการเคลื่อนย้ายเข้ามาได้มากน้อยแค่ไหน และในส่วนของตลาดหลักทรัพย์ก็จะดำเนินทุกแนวทางเพื่อให้ตลาดทุนมีความน่าสนใจและสร้างความเท่าเทียมให้เกิดขึ้น
สำหรับกรณีที่ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนนำหุ้นไปจำนำ และเกิดปัญหาถูกบังคับขายมาอย่างต่อเนื่องนั้น ในส่วนของตลาดหลักทรัพย์อยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อให้แนวทางหรือมาตรการให้มีการเปิดเผยข้อมูลการจำนำหุ้น เพื่อให้นักลงทุนได้ทราบข้อมูลและใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจก่อนลงทุน ซึ่งเรื่องนี้จะต้องไปศึกษาข้อมูลที่ TSDก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไร
"การนำหุ้นไปจำนำหรือการกู้เงินเป็นสิทธิของผู้บริหารแต่เมื่อมีปัญหาและส่งผลกระทบต่อตลาดและความเชื่อมั่นของนักลงทุนตลาดหลักทรัพย์ก็มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าไปดูแล"
ทั้งนี้การจะออกมาตรการให้เปิดเผยตัวเลขการจำนำหุ้น กับการต้องเปิดเผยในรายงาน59-1ของผู้บริหารตามมาตรการของ ก.ล.ตเป็นคนละประเด็นกัน