ธปท. พร้อมดูแลเงินบาท หากผันผวนผิดปกติ-มั่นใจเศรษฐกิจฟื้นต่อเนื่อง

Categories : Update News, Finance

Public : 10/04/2022

  ธปท. มั่นใจเศรษฐกิจไทยปีนี้โต 3.3% ด้านปี 66 คาดโต 3.8%  คาดเงินเฟ้อเข้าสู่กรอบเป้าหมายปี66ที่ระดับ 1-3%  แจงบาทอ่อนค่าแตะ 38 บ./ดอลล์ไม่ได้ขาดเสถียรภาพ พร้อมดูแลบาทบ้างหากพบความผันผวนผิดปกติ

  ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง จากอุปสงค์ในประเทศที่ฟื้นตัว และภาคการท่องเที่ยวที่เป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญ โดยปีนี้ คาดว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 3.3% และขยายตัว 3.8% ในปี 66 ทั้งนี้ คาดว่า เศรษฐกิจไทยจะกลับไปสู่ระดับก่อนการระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปี 66

  ขณะที่อัตราเงินเฟ้อของไทย คาดว่าจะคลี่คลายในปี 66 โดยคาดว่าจะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายของเงินเฟ้อที่ 1-3% ได้ในกลางปี 66 โดยปีนี้คาดว่าเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ 6.3% และปีหน้าคาดว่าจะอยู่ที่ 2.6%

  “สิ่งที่ธปท.กังวล คือ เงินเฟ้อพื้นฐาน ตัวนี้สำคัญ เพราะสะท้อนเครื่องยนต์เงินเฟ้อติดหรือไม่ ที่ผ่านมา เราเห็นตัวเลขเงินเฟ้อพื้นฐานมันวิ่งขึ้น และวิ่งขึ้นนในอัตราที่เร็วขึ้น โดยรวมปีนี้คาดเงินเฟ้อพื้นฐานจะอยู่ที่ 2.6% และปีหน้าที่ 2.4% โดยธปท.จะติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะเป็นตัวสะท้อนเครื่องยนต์เงินเฟ้อติด และติดมากแค่ไหน”นายเศรษฐพุฒิ กล่าว

  สำหรับเศรษฐกิจไทยที่จะทำให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน จะต้องดำเนินการ 3 ด้าน คือ 1.หนี้ครัวเรือน ต้องลดสู่ระดับยั่งยืน 2.ความยั่งยื่นด้านสิ่งแวดล้อม โดยภาคการเงินช่วย facilitate ให้เศรษฐกิจเปลี่ยนผ่านไปสู่ความยั่งยืน โดยสิ่งที่ต้องเร่งผลักดาน คือ จัด taxonomy พัฒนาและเปิดเผยข้อมูล และ สร้างมาตรการแรงจูงใจ 3.โครงสร้างพื้นฐานด้านการเงินดิจิทัล โดยเร่งผลักดัน โครงสร้างพื้นฐาน Digital payment เช่น Cross-border payment , PromptBiz และ dStatement

   ดร.เศรษฐพุฒิ กล่าวว่า  สถานการณ์ค่าเงินบาทที่อ่อน  ยืนยันว่า เป็นเพราะดอลลาร์แข็งค่า โดยเงินบาทที่อ่อนค่า ไม่ได้มาจากเงินทุนไหลออก แต่มาจากดอลลาร์แข็ง โดยปัจจุบันดอลลาร์แข็งค่าแล้ว 17-18% ขณะที่เงินบาทอ่อนค่า 12% และการอ่อนค่าของไทยโดยรวม ไม่ได้ผิดเพี้ยนจากภูมิภาค

  “ยืนยันไม่เห็นการไหลออกของเงินทุนอย่างมีนัยสำคัญ 3.5 พันล้านดอลลาร์ ส่วนทุนสำรองที่ลดลง มาจากดอลลาร์แข็งค่า โดยธปท.นอกจากถือเงินดอลลาร์แล้วยังถือเงินสกุลอื่นๆด้วย แต่ถามว่า ธปท.เข้าไปดูแลค่าเงินหรือไม่ ยอมรับว่า มีเมื่อเห็นความผันผวนแรงเกินไป แต่ไม่ได้เข้าไปเพื่อฝืนทิศทางตลาด เพราะเรารู้ว่าทำไม่ได้ ค่าเงินบาทมาจากดอลลาร์แข็ง เราคอลโทรลไม่ได้ และเราเคยมีบทเรียนจากปี 40 ที่ไปฝืนตลาดมากจะมีความเสี่ยงมากมาย” ดร.เศรษฐพุฒิ กล่าว

 พร้อมทั้ง ยืนยันว่า ค่าเงินบาทที่ไปถึง 38 บาทต่อดอลลาร์ ไม่ได้เกิดจากการขาดเสถียรภาพ โดยปัจจุบัน เสถียรภาพของไทยอยู่ในระดับแข็งแกร่ง ทุนสำรองเมื่อเทียบกับต่างประเทศ อยู่ในระดับสูง โดยอยู่ในอันดับ 12 ของโลก

   สำหรับ การดำเนินนโยบายการเงิน โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปนั้น โดยยืนยันว่า ดำเนินการไม่ช้าเกินไป เพราะเศรษฐกิจไทยเพิ่งเริ่มฟื้นตัวเมื่อเทียบกับต่างประเทศ และยืนยันว่าไม่น้อยเกินไป เพราะยังมีกลุ่มเปราะบาง ซึ่งต้องดูแลด้วยมาตรการเฉพาะจุด