“BBIK”ทุ่มพันล้านซื้อธุรกิจดันปี66รายได้โตเท่าตัว

Categories : Update News, Stock Market

Public : 12/01/2022

BBIK ประกาศรุกธุรกิจครั้งใหญ่ เล็งใช้เงิน 1,000 เข้าซื้อหน่วยธุรกิจของMFEC  และเข้าควบกิจการ Innoviz หวังดันรายได้ปี  66  โตเท่าตัว  เล็งเพิ่มทุนนำเงินซื้อธุรกิจ พร้อมศึกษาจ่ายปันผลเป็นหุ้น

นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK เปิดเผยว่า แผนการเข้าซื้อกิจการ 2ดีล ที่จะใช้เงิน 1,000ล้านบาท แบ่งเป็นประมาณ ุ691ล้านบาท จะเข้าซื้อ บริษัทจะเข้าซื้อ  หน่วยธุรกิจ Digital Delivery ของบริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFEC   และ ที่เหลือ จะเข้าซื้อ บริษัท อินโนวิซ โซลูชั่นส์ จำกัด (Innoviz)  ซึ่ง ผลของการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้จะทำให้ การเติบโตของบริษัทในปี 2566เพิ่มขึ้น โดย จะทำให้รายได้ของบริษัทปี 66 เติบโตกว่าเท่าตัวจากปีนี้ เนื่องจากปัจจุบันมีทีมงานนักพัฒนาเทคโนโลยี 350 คน จะเพิ่มเข้ามาอีก 350 คน เป็นมากกว่า 750 คน เพื่อสนับสนุนการขยายธุรกิจและบริการทั้งในและต่างประเทศ สู่การเติบโตแบบก้าวกระโดด

" เงินที่จะใช้ในการซื้อกิจการครั้งนี้นั้น จะมาจากเงินที่เหลือจากการขายหุ้นไอพีโอที่มีเหลือ 400 ล้านบาท ซึ่งเงินก้อนนี้จะใช้ในการซื้อหน่วยธุรกิจจาก MFEC ที่คาดว่า จะเกิดขึ้นและแล้วเสร็จในไตรมาสแรกของปี 66  ส่วนที่เหลือจะมาจากกระแสเงินสดและการกู้เงินจากสถาบันการเงินประมาณ 300 ล้านบาท   ซึ่ง  กระบวนการเข้าซื้อกิจการจะเริ่มหลังจากที่ MFEC จัดตั้งบริษัทย่อยสำหรับหน่วยธุรกิจนี้ รวมถึง บริษัทจะพิจารณาเพื่อเพิ่มทุนจดทะเบียน นำเงินที่ได้มาร่วมซื้อกิจการในครั้งนี้ด้วยโดยคาดว่าการเพิ่มทุนน่าจะเกิดขึ้นในช่วง ต้นปี 2566   "

อย่างไรก็ตามในส่วนของการ  ควบรวมกิจการกับ Innoviz จะแบ่งการชำระค่าหุ้นออกเป็น 3 งวด งวดแรกจะเริ่มต้นในไตรมาส 1/66 และจะเสร็จสมบูรณ์ในปี 68 โดยบบริษัทจะเข้าซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมทั้งหมดด้วยเงินสด และเงินที่จะนำไปซื้อ Innoviz

งวดที่ 1 เข้าซื้อในสัดส่วน 55% โดยใช้เงินกู้ยืมจากสถาบัน ในราคาซื้อขายหุ้นที่เท่ากับกำไรสุทธิของ Innoviz ในปี 65 คูณด้วย 12 เท่าของ P/E และคูณด้วยสัดส่วนหุ้น 55%

งวดที่ 2 ในสัดส่วน 30% โดยราคาซื้อขายหุ้นจะเท่ากับกำไรสุทธิของ Innoviz ในปี 66 คูณด้วย 16 เท่าของ P/E และคูณด้วยสัดส่วนหุ้น 30%

งวดสุดท้าย ในสัดส่วน 15% ซึ่งราคาซื้อขายหุ้นจะเท่ากับกำไรสุทธิของ Innoviz ในปี 66 คูณด้วย 16 เท่าของ P/E และคูณด้วยสัดส่วนหุ้น 15% สำหรับการชำระค่าหุ้นในงวดที่ 2 และ 3 นั้นบริษัทจะใช้กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน

ทั้งนี้ ผลประกอบการของInnoviz ในปี 65 คาดมีกำไรอยู่ที่ 40-44 ล้านบาท และมีรายได้ 300 ล้านบาท

สำหรับการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องของบริษัท ยังเป็นไปตามแผนการลงทุนบริษัทได้วางไว้ เพื่อรองรับกระแสการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันและความต้องการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้สร้างข้อได้เปรียบในภาคธุรกิจที่ยังคงแรงต่อเนื่อง จากปัจจัยบวกเหล่านี้ทำให้เห็นถึงโอกาสการเติบโตของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ที่ได้สะท้อนผ่านผลประกอบของบริษัทที่สามารถทำนิวไฮในหลายไตรมาสติดต่อกัน

"การเข้าซื้อกิจการของทั้ง 2 บริษัท จะทำให้การเติบโตนับจากนี้ของบลูบิค โดยเฉพาะในปี 66 เป็นไปอย่างน่าจับตามอง จากผลพวงของจำนวนผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีที่เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวตามแผนยุทธศาสตร์ 3 ปี เป็นการตอกย้ำความเป็น Tech Company ที่มุ่งเน้นการเป็น Venture Builder ระดับสากล"

บริษัทยังเดินหน้าในการรุกตลาดต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น เพื่อเปิดโอกาสการขยายงานในการรับงานที่เกี่ยวข้องกับ Digital Transformation ของกลุ่มลูกค้าในต่างประเทศ โดยอยู่ระหว่างศึกษาจัดตั้งบริษัทย่อยในประเทศเวียดนาม

ส่วนจะย้ายหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หรือไม่นั้น ขอดูจังหวะและเวลาที่เหมาะสม ส่วนการเพิ่มทุนเพื่อซื้อกิจการในครั้งนี้แม้จะเพิ่มขึ้นแต่ยังไม่มากพอ และบริษัทได้ศึกษาแนวทางในการเพิ่มฐานทุนให้ใหญ่ขึ้นด้วยการพิจารณาจ่ายปันผลเป็นหุ้นในอนาคต

นายศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร ประธานกรรมการบริหาร MFEC กล่าวว่า คาดรับรู้รายได้จากดีลขาย Digital Delivery ให้ BBIK มูลค่า 691 ล้านบาท ในไตรมาส 1/66 ซึ่งเงินจำนวนนี้ มีแผนที่จะลงทุนในระยะต่อไป

ทั้งนี้ BBIK ประกาศทุ่มงบกว่า 1,000 ล้านบาท เข้าซื้อกิจการในสัดส่วน 100% ของ 2 บริษัทชั้นนำในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ได้แก่ หน่วยธุรกิจ Digital Delivery ของ MFEC ซึ่งเป็นทีมงานนักพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและแอปพลิเคชันทั้งหมดกว่า 300 ชีวิต และบริษัท อินโนวิซ โซลูชั่นส์ จำกัด ที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญการวางระบบ Enterprise Resource Planning – ERP