สลากฯ ตั้งเป้าขายสลากดิจิทัล 30 ล้านฉบับ ผ่านแอปฯเป๋าตัง

Categories : Update News, Finance

Public : 01/19/2023

สำนักงานสลากฯ ตั้งเป้าจำหน่ายสลากผ่านแอปฯ “เป๋าตัง” ปีนี้ 30 ล้านใบ พร้อมเร่งตรวจสอบสลากที่พบจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มเอกชน เพื่อยกเลิกสัญญาและตัดสิทธิการลงทะเบียนซื้อจองต่อไป

   

นายลวรณ แสงสนิท ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล พร้อมด้วย พันโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าการดำเนินงานของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาสลากเกินราคา

 

ทั้งนี้ จากการเข้าตรวจค้น บริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด (กองสลากพลัส) เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน พบสลากงวดวันที่ 17 มกราคม 2566 ประมาณ 11 ล้านฉบับ ซึ่งเป็นสลากที่ยังไม่ถึงกำหนดออกรางวัล โดยไปรวบรวมจากตัวแทนจำหน่ายและผู้ซื้อ-จองฯ และนำมาเสนอขายผ่านแพลตฟอร์มดังกล่าวในราคาที่เกินกว่า 80 บาทนั้น คาดจะสรุปผลตรวจสอบได้ในงวดต่อไป พร้อมทั้งได้กำชับสำนักงานสลากฯ ให้ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษแพลตฟอร์มที่ขายสลากเกินราคา และขอยืนยันว่าสำนักงานสลากฯ ไม่เคยให้สิทธิ์ในการจำหน่ายสลาก และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับทุกแพลตฟอร์มเอกชน

 

ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวต่อไปอีกว่า มาตรการแก้ไขปัญหาสลากเกินราคาโดยได้มีการจำหน่ายสลากดิจิทัลผ่านแอปฯ “เป๋าตัง” ตั้งแต่งวดวันที่ 16 มิถุนายน 2565 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน (งวด 1 กุมภาพันธ์ 2566) เป็นงวดที่ 16 มีสลากดิจิทัลประมาณ 17 ล้านฉบับ ซึ่งสลากทุกใบเป็นของตัวแทนรายย่อยมากกว่า 30,000 ราย และทุกใบราคา 80 บาท การดำเนินการเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายในทุกขั้นตอน มีการขออนุญาตประกอบธุรกิจตามพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 และการจำหน่ายสลากผ่านแอปฯ “เป๋าตัง” ได้มีการลงทะเบียนผู้ซื้อเพื่อป้องกันผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ไม่ให้ซื้อสลาก ซึ่งเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด

ในปีนี้สำนักงานสลากฯ ตั้งเป้าจะเพิ่มสลากเข้าในระบบจำหน่ายผ่านแอปฯ “เป๋าตัง” ไม่น้อยกว่า 30 ล้านฉบับ และจะเพิ่มจำนวนจุดจำหน่ายสลาก 80 บาท ให้มากขึ้นจากที่มีอยู่กว่าหนึ่งพันจุดเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงสลาก 80 บาทได้มากที่สุด

 
 

สำหรับสลากที่จะนำมาจำหน่ายผ่านแอปฯ “เป๋าตัง” นั้น สำนักงานสลากฯ จะนำมาจากสลาก L6 ซึ่งต้องรอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ดังนั้น ในขณะนี้สลากส่วนหนึ่งจะมาจากสลากที่ถูกตัดสิทธิ์เนื่องจากทำผิดหลักเกณฑ์ในการรับสลากไปจำหน่ายของสำนักงานฯ และอีกส่วนหนึ่งจะมาจากความสมัครใจของตัวแทนจำหน่าย ซึ่งล่าสุดจากการที่สำนักงานสลากฯ ออกประกาศแจ้งการทำรายการซื้อ-จองล่วงหน้าฯ ให้ได้รับสลากรายละ 3 เล่มนั้น จะได้ดำเนินการจัดสรรสลากในแนวทางเดียวกันให้กับตัวแทนจำหน่ายที่ประสงค์จะรับสลากแบบใบไปจำหน่ายด้วยเช่นกัน โดยหลักการในเบื้องต้น ถ้าตัวแทนจำหน่ายเลือกที่จะสมัครใจนำสลากมาเข้ามาขายผ่านแอปฯ “เป๋าตัง” จะได้รับสลากรายละ 5 เล่ม ทั้งนี้ เพื่อให้ตัวแทนจำหน่ายเกิดการปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมการซื้อขายสลาก ที่ได้รับการตอบรับจากผู้ซื้อผ่านระบบการจำหน่ายในปัจจุบัน ทั้งนี้ คณะกรรมการสลากฯ ได้มอบหมายให้คณะกรรมการบริหารจัดการสลาก ฯ รับไปพิจารณา ในส่วนของกรอบแนวทางปฏิบัติและระยะเวลาที่เหมาะสม เพื่อป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อไป

ในส่วนของการดำเนินการกับแพลตฟอร์มเอกชนต่างๆ ที่นำสลากไปจำหน่ายต่อในราคาเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด นั้น พันโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า ตั้งแต่งวดวันที่ 16 มกราคม 2565 ถึงงวดวันที่ 16 ธันวาคม 2565 ได้มีการร้องทุกข์กล่าวโทษไปแล้ว 22 แพลตฟอร์ม ศาลมีคำสั่งให้ระงับการทำให้แพร่หลายหรือลบออกจากระบบคอมพิวเตอร์ จำนวน 12 แพลตฟอร์ม อยู่ระหว่างสืบพยานผู้คัดค้าน 1 แพลตฟอร์ม (กองสลากพลัส) และมีคำสั่งยกคำร้อง 2 แพลตฟอร์ม (มังกรฟ้าและหงส์ทอง.com) ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการดำเนินการของพนักงานสอบสวน สำหรับการดำเนินการ หลังจาก กองบังคับการกองปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมทำการตรวจค้น บริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด (กองสลากพลัส) เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2566 ซึ่งพบสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดวันที่ 17 มกราคม 2566 ในระบบจำนวน 10,227,715 ฉบับ นั้น สำนักงานสลากฯ จะเร่งดำเนินการตรวจสอบ เพื่อดำเนินการยกเลิกสัญญา หรือสิทธิการเป็นผู้ซื้อจอง-ล่วงหน้าฯ ต่อไป เนื่องจากเป็นการกระทำที่ไม่เป็นไปตามสัญญาและหลักเกณฑ์ในการรับสลากไปจำหน่าย ซึ่งระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ต้องขายสลากด้วยตนเอง และไม่ขายสลากเกินราคาที่กำหนดไว้ในสลาก รวมถึงไม่นำสลากของตนไปขายให้แก่ผู้อื่นเพื่อนำไปรวมชุด หรือแลกเปลี่ยนสลากกับผู้อื่น หากทำผิดสัญญาสำนักงานสลากฯ มีสิทธิบอกเลิกสัญญา หรือยกเลิกสิทธิการเป็นผู้ลงทะเบียนซื้อ-จองล่วงหน้าได้ทันที รวมถึงสลากในส่วนของสมาคม/องค์กร สำนักงานสลากฯ จะยกเลิกสิทธิในการรับสลากไปจำหน่ายของสมาชิกในสมาคม/องค์กรนั้นๆ ทันทีเช่นกัน ทั้งนี้ การตัดสิทธิเป็นผลที่จะต้องดำเนินการเมื่อพบความผิดตามมา เพราะหากไม่ดำเนินการจะถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้