“อีสท์สปริง”เพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้น-มองจีนเด่นคาดเห็นเงินไหนเข้าภูมิภาคเอเซีย
Categories : Update News, Wealth
Public : 02/06/2023"อีสท์สปริง"มองเศรษฐกิจการลงทุนปี 66 ยังผันผวน แนะเพิ่มสัดส่วนหุ้นมากขึ้น ลดถือหุ้นคอมมูนิตี้ เลือกการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ชูจีนและเอเชีย ได้รับประโยชน์เปิดประเทศ แนะหุ้นกลุ่ม defensive หุ้นปันผล, หุ้นผันผวนต่ำพร้อมแนะลงทุนอย่างต่อเนื่องจะมีโอกาสได้ผลตอบแทนที่ดี
นางสาวดารบุษป์ ปภาพจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด (บลจ.อีสท์สปริง) เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจและการลงทุนในปี 2566 จะยังคงมีความผันผวนอยู่ จากการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจนโยบายการเงินและการคลัง และความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ โดยมองว่าเศรษฐกิจจีนและเอเชียในปีนี้จะมีอัตราการเติบโตได้ดีกว่าทื่อื่น จากนโยบายการเปิดประเทศของจีนเมื่อต้นปีผ่านมา และการผ่อนคลายมาตรการควบคุมกลุ่มเทคโนโลยี ในขณะที่สหรัฐและยุโรปเติบต่ำกว่า 1-1.5% ส่วนเอเชียหลายประเทศได้รับประโยชน์จากการเปิดประเทศ โดยเฉพาะภาคท่องเที่ยว เช่น สิงคโปร์ เวียดนาม รวมทั้งไทย ในขณะที่อินเดียและอินโดนีเซีย จะได้ประโยชน์จากการกระจายห่วงโซ่อุปทานเพื่อหนีการพึ่งพาจากจีน
“ขณะนี้เราเริ่มเห็นการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนในประเทศไทยที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในช่วงกลางปี 66 ซึ่งโดยปกติตลาดหุ้นมักจะให้ผลตอบแทนได้ดีทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้ง โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มขนาดใหญ่ที่ได้รับประโยชน์จากเงินทุนไหลเข้าจากต่างประเทศ” นางสาวดารบุษป์ กล่าว
ด้านนาย Bill Maldonado Chief Investment Officer, Eastspring Investments (Singapore) กล่าวว่า ภูมิภาคเอเชียจะมีบทบาทมากขึ้นในเรื่องของการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม โดยจะเห็นทุกภาคฝ่ายให้ความสนใจและระดมทุนในนวัตกรรมต่าง ๆมากขึ้น เช่น รถยนต์ไฟฟ้า และพลังงานหมุนเวียนเพื่อให้เข้าเรื่อง Net Zero ทำให้เกิดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเป็นอย่างมาก โดยจีนจะเป็นผู้นำการผลิตระบบพลังงานแสงอาทิตย์และครองห่วงโซ่อุปทาน อินโดนิเซียสร้างสวนอุตสาหกรรมซึ่งจะเป็นที่รองรับอุตสาหกรรมสีเขียว เช่น ผลิตแผงแสงอาทิตย์, แบตเตอรี่ลิเธียม และมาเลเซียอุตสาหกรรมผลิตอุปกรณ์ทดสอบอัตโนมัติ ทำให้เกิดการประหยัดพลังงานและลดขยะได้
นอกจากนี้ ยังจะเห็นบริษัทมีการออกนโยบายเน้นความยั่งยืน (ESG)และมีการเปิดเผยข้อมูลมากขึ้น รวมถึงนักลงทุนจะเข้าไปมีส่วนร่วมกับบริษัทมากกว่าใช้เงื่อนไขทาง ESG ในการคัดกรองเบื้องต้นเท่านั้น
สำหรับ บลจ.อีสท์สปริงในปี 2566 จะเน้นการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนหลากหลาย โดยมีธีมการลงทุนทั้งในส่วนของกองทุนต่างประเทศและกองทุนในประเทศ สำหรับกองทุนต่างประเทศนั้นประกอบด้วย
1.หุ้นกลุ่ม defensive ทั้งหุ้นปันผล, หุ้นผันผวนต่ำ รวมถึงหุ้นคุณภาพดีที่มีรายได้และกระแสเงินสดสม่ำเสมอ และมีผลการดำเนินงานไม่ผันแปรตามภาวะเศรษฐกิจมาก จึงเหมาะกับการลงทุนในสภาวะเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มีความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอย (recession) 2. เน้นลงทุนในภูมิภาคเอเชีย3.ตราสารหนี้โลกคุณภาพดี และ 4.การลงทุนที่เน้นถึง ESG
ขณะที่กองทุนในประเทศ ได้แก่ 1.หุ้นปันผลและหุ้นขนาดใหญ่ 2.หุ้นกู้เอกชนคุณภาพดีและพันธบัตรรัฐบาล และ 3.ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ของไทย (REITs) ที่ได้รับประโยชน์จากการเปิดเมืองและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เริ่มทรงตัว รวมถึงอัตราผลตอบแทน (yield) และส่วนต่างอัตราผลตอบแทน (yield spread) อยู่ในระดับน่าสนใจราว 6.5%, 3.5% ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดีในการลงทุน บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จึงร่วมกับ Eastspring Investments (Singapore) เปิดตัวกองทุนเปิด Eastspring Global Low Volatility Equity (ES-LOVE) ที่เน้นลงทุนในหุ้นโลกโดยมีจุดประสงค์เพื่อให้พอร์ตโดยรวมมีความผันผวนต่ำ ซึ่งจะช่วยป้องกันความเสี่ยงในช่วงตลาดขาลง พร้อมสร้างผลตอบแทนที่ดีเมื่อตลาดปรับตัวเป็นขาขึ้น ซึ่งคาดว่าจะเสนอขายนักลงทุนที่สนใจระหว่างวันที่ 14-20 กุมภาพันธ์ 2566 มูลค่า 5,000 ล้านบาท
กองทุนเปิด Eastspring Global Low Volatility Equity มีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองเดียว คือ กองทุน Eastspring Investment Global Low Volatility Equity Fund (กองทุนหลัก) ในหน่วยลงทุนชนิด Class C Acc USD ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80% ในรอบบัญชี กองทุนหลักจะเน้นการลงทุนในหุ้นทั่วโลกโดยใช้ปัจจัยเชิงปริมาณโดยให้ความสำคัญกับหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานและโมเมนตัมที่ดีซึ่งมีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนให้ได้ใกล้เคียงกับดัชนีหุ้นโลก MSCI Ac World ด้วยความผันผวนที่ต่ำกว่า โดยจะคัดเลือกหลักทรัพย์ประมาณ 250-350 เข้าพอร์ตลงทุนจากหุ้นทั่วโลกที่มากถึง 15,000 ตัว สำหรับกลุ่มธุรกิจที่คาดว่าจะเน้นลงทุนได้แก่ กลุ่มสุขภาพ, สื่อสาร, สินค้าจำเป็น เป็นต้น
จุดเด่นของ Eastspring Investment Global Low Volatility Equity Fund อยู่ที่การคัดเลือกหุ้นในพอร์ตซึ่งจะตั้งต้นจากจำนวนหุ้นที่มากถึง 15,000 ตัวจากดัชนี S&P BMI Index ซึ่งจะสร้างโอกาสลงทุนได้ดี ประกอบกับทีมงานที่บริหารกองทุนดังกล่าวมีประสบการณ์เฉลี่ยราว 16 ปี นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมากลยุทธ์ดังกล่าวสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับ ดัชนีชี้วัด MSCI AC World Minimum Volatility Index โดยจากข้อมูลย้อนหลัง 3 ปีสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 อยู่ที่ 2.96% และ1.62% ตามลำดับ ในขณะที่ข้อมูลย้อนหลัง 5 ปี อยู่ที่ 5.48% และ 4.57 % ตามลำดับรวมถึงมีผลตอบแทนต่อความเสี่ยงที่ดี เนื่องจากในช่วงตลาดขาลง กลยุทธ์ดังกล่าว ฯจะปรับตัวลงตามตลาดประมาณ 59% ขณะที่ตลาดขาขึ้นจะปรับตัวตามตลาดประมาณ71% (ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2558 – 31 ธันวาคม 2565)
นายยิ่งยง เจียรวุฑฒิ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการลงทุน บลจ.อีสท์สปริง แนะเพิ่มสัดส่วนลงทุนในหุ้นมากขึ้น ส่วนลดเงินสดและสินค้าคอมมูนิตี้ ลดน้ำหนักลง พร้อมมองหุ้นจีนดี หลังเปิดประเทศ
นอกจากนี้ ยังแนะนำให้นักลงทุนมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องไม่ว่าสภาพตลาดจะเป็นอย่างไรเพราะการเข้าลงทุนอย่างสม่ำเสมอจะทำให้ได้รับโอกาสมากกว่าหยุดลงทุนในช่วงตลาดหุ้นที่กลับมาเป็นขาขึ้น และยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนดีกว่าโดยได้หยิบผลจากสำรวจจากทั่วโลกมานำเสนอ
ส่วนการเลือกตั้ง เป็นปัจจัยบวกหุ้นจะขึ้นระยะสั้น แต่ต้องติดตามระยะยาว ถึงการวางนโยบายเพื่อให้ประเทศไทยมีความสามารถในการแข่งขันได้