หุ้นไทยเดือน ม.คสดใส ! เงินนอกไหลเข้าหุ้น-บอนด์กว่า5.3หมื่นล้าน

Categories : Update News, Stock Market

Public : 02/07/2023

 หุ้นไทยเดือนแรกปีกระต่าย สดใส ท่องเที่ยวฟื้นดันประเทศเกินดุลบัญชีเดินสะพัดต่อเนื่อง -ดูดเงินนอกซื้อสุทธิหุ้น-บอนด์ 5.3 หมื่นล้าน -3เดือนนี้เหมาะลงทุนหุ้นปันผลรอรับเงินที่คาดว่าจะจ่ายกว่า 6.4แสนล้านทำสถิติสูงเป็นประวัติการณ์

 

นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าในเดือนมกราคม 2566 มีเงินลงทุนเคลื่อนย้ายมายังตลาดหุ้นเอเชีย โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทยจากเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวดีต่อเนื่องและมีข่าวดีจากการเปิดประเทศของจีน ส่งผลให้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติและมูลค่าการส่งออกจะกลับมาขยายตัวอีกครั้งในอนาคตอันใกล้ ขณะที่ เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ส่งผลให้ผู้ลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิรวมทั้งในตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรไทยกว่า 5.8 หมื่นล้านบาท

" ตลาดหุ้น ม.ค ดูดี เพราะดุลบัญขีเดินสะพัดบวกต่อเนื่อง จากการฟื้นตัวของงนักท่องเที่ยว และน่าจะดีขึ้นอีกจากจีนเปิดประเทศขณะที่สภาพคล่องยังไม่หายไปจากตลาดรุนแรงนัก หลังเงินเฟ้ออ่อนตัวลง ทำให้การขึ้นดอกเบี้ยไม่แรง ดูยอดซื้อสุทธิต่างชาติยังบวก ปริมาณซื้อขายเฉลี่ยนต่อวันดีขึ้นจาก ไตรมาสสุดท้ายของปี มาอยู่ที่ 7.2 หมื่นล้านหุ้นไทยเดือนแรกให้ผบตอบแทนรูปเงินดอลลลกว่า 5% ขณะที่รูปเงินบาท 0.2% เป็นผลจากบาทแข็งค่าหลัง ศก. ดีและเกินดุลบัญชีเดินสะพัด"

 เงินปันผลสะพัด 6.4แสนล้าน 

ขณะที่ผลตอบแทนเงินปันผลดีเกิน 5% และ 3 เดือนนี้เป็นช่วงจ่ายปันผลจากผลดำเนินงานงวดปี2565 ซึ่ง นักลงทุน สามารถเลือกลงทุนเพื่อรับปันผล โดยปี2565 คาดเม็ดเงินปันผลสะพัด กว่า 6.4 แสนล้านสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ด้านภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ ฯ กล่าวว่า การลงทุนยังต้องระมัดระวังติดตามปัจจัยต่างๆทั้งในและนอกอย่างใกล้ชิด เพราะผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับ บจ. ในตลาดจะแตกต่างกันไป บางบริษัทได้ผลบวก บางบริษัทได้รับผลกระทบ ดังนั้นต้องเลือกและรอบคอบในการลงทุน

ส่วนการเลือกตั้งและการเมืองต่อตลาดหุ้นไทย ถือเป็นคำถามยอดฮิต แต่ก็ต้องบอกว่าการเลือกตั้งมีผลน้อยต่อตลาดหุ้น ซึ่งประเด็นที่ต้องติดตามคือนโยบายของรัฐบาลที่จะเข้ามาบริหาร และการเมืองไทยต่างจากต่างประเทศ เพราะไม่ได้เป็นระบบพรรคเดียว

 สถิติหุ้นไทยเดือน ม.ค 

· ณ สิ้นเดือนมกราคม 2566 SET Index ปิดที่ 1,671.46 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 0.2% จากเดือนก่อนหน้า โดยปรับเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นในภูมิภาค และปรับเพิ่มขึ้น 5.6% เมื่อเทียบผลตอบแทนในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ

· SET Index ในเดือนมกราคมปี 2566 ได้แรงหนุนจากอุตสาหกรรมที่ได้รับอานิสงส์จากการกลับมาเปิดเมือง และกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มผลประกอบการดีในไตรมาสสุดท้ายปี 2565 โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2565 ได้แก่ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มบริการ และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง

· ในเดือนมกราคม 2566 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 72,012 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 56,184 ล้านบาท อย่างไรก็ดี มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันลดลง 23.7% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน

· ขณะที่ผู้ลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นเดือนที่สี่ โดยในเดือนมกราคม 2566 ผู้ลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 18,997 ล้านบาท โดยผู้ลงทุนต่างชาติมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9

· ในเดือนมกราคม 2566 มีบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ซื้อขายใน mai 2 หลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ. มาสเตอร์ สไตล์ (MASTER) และ บมจ. เอส.เอ.เอฟ. สเปเชียล สตีล (SAF) โดยมูลค่าระดมทุนรวมในหุ้น IPO ของไทยปี 2566 อยู่ยังในระดับต้นๆ ของเอเชีย

· Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนมกราคม 2566 อยู่ที่ระดับ 16.8 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 12.6 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 17.5 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 13.8 เท่า

· อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนมกราคม 2566 อยู่ที่ระดับ 2.75% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 3.00%