DEXON โชว์งบหรูก่อนลงกระดานเทรดพรุ่งนี้  !  ปิดปี 65 กำไร 105 ล้านบาท พุ่ง 478.83%   ด้าน ซีอีโอหญิงเก่ง “มัลลิกา แก่กล้า”ลั่น DEXON จะเป็นทั้งหุ้นโกรทและหุ้นปันผล 

Categories : Update News, Stock Market

Public : 03/30/2023

DEXON โชว์งบหรูก่อนลงกระดานเทรดพรุ่งนี้  !  ปิดปี 65 กำไร 105 ล้านบาท พุ่ง 478.83%   ด้าน ซีอีโอหญิงเก่ง "มัลลิกา แก่กล้า"ลั่น DEXON จะเป็นทั้งหุ้นโกรทและหุ้นปันผล  ภารกิจแรกเสนอบอร์ดขออนุมัติบุกสหรัฐและเนเธอร์แลนด์  ลั่นเงินไอพีโอ กว่า500ล้านใช้ขยายธุรกิจได้ 5ปี

บริษัท เด็กซ์ซอน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ DEXON แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่า ผลดำเนินงานของบริษัทปี2565 มีกำไรสุทธิ 105 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 478.83%เมื่อเทียบกับปี2564ที่มีกำไรสุทธิ 18.14ล้านบาท ซึ่งรายได้ในปี 2565 เพิ่มขึ้น 175.04 ล้านบาท เติบโต 40.38%

นางมัลลิกา แก่กล้า ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เด็กซ์ซอน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ DEXON เปิดเผยว่า บริษัทฯมีความพร้อมในทุกด้านสำหรับการนำ DEXON เข้าจดทะเบียน และซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยจะเข้าทำการซื้อขายวันแรกในวันที่ 31 มีนาคม 2566  หลังได้   เสนอขายที่หุ้นไอพีโอ  จำนวน 123.18 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ   4.50 บาท  และได้รับความสนใจจากนักลงทุนเข้ามาจองซื้อเกินจำนวนหุ้น และทำให้บริษัทได้รับเงินจากการระดมทุนกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งเงินทุนจำนวนนี้ทำให้บริษัทมีความเพียงพอในการขยายธุรกิจไปได้อย่างน้อย 5ปี และเชื่อมั่นว่าเมื่อหุ้นเข้าซื้อขายจะได้รับการต้อนรับที่ดีจากนักลงทุน

  " หุ้น DEXON จะเป็นทั้งหุ้นโกรทและหุ้นปันผลให้กับนักลงทุน เพราะบริษัทมีแผนขยายธุรกิจและเติบโตอย่างชัดเจนต่อไปในอนาคตและยังเป็น ผู้นำในธุรกิจที่ในประเทศไทยมีเพียงบริษัทเพียงรายเดียวที่ให้บริการอยู่และด้วยประสบการณ์ในธุรกิจกว่า 28 ปี จึงมั่นใจว่าเรายังคงเติบโตต่อเนื่องอย่างมั่นคง " ประธานเจ้าหน้าที่บริหารDEXONกล่าว

   อย่างไรก็ตามภารกิจแรกหลังขบวรการขายหุ้นและนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาด mai เสร็จแล้วจะขออนุมัติต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท(บอร์ด)ในการรุกลงทุนต่างประเทศทันที โดยเฉพาะ  ประเทศเนเธอร์แลนด์ (ทวีปยุโรป) รวมถึงสหรัฐอเมริกา  โดยเน้นให้บริการตรวจสอบทางวิศวกรรมระบบท่อด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง (Smart Pigging Technology) ที่มีคู่แข่งในตลาดน้อยราย  โดยเฉพาะการตรวจสอบรอยแตกขนาดเล็กในระบบท่อส่งที่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษที่มีเทคโนโลยีสูงที่บริษัทพัฒนาขึ้น (Hawk Pipeline Crack Detection and Measurement System) ,  ลงทุนในงานวิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีที่ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า และการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรม เช่นการเปลี่ยนไปสู่พลังงานสะอาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ, การตรวจสอบระบบท่อส่งเพื่อรองรับการแปลงไปสู่การใช้งานของก๊าซไฮโดรเจน (Hydrogen Energy Conversion) ที่จะเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ในระบบท่อส่งจากเดิมเป็นน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ เป็นการขนส่งก๊าซไฮโดรเจน การดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture and Storage : CCS) เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก, ชำระเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน รวมถึงเป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งถือเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัท และสร้างโอกาสในการแข่งขันให้กับบริษัท

นอกจากนี้หากเป็นไปตามแผนอนาคตสัดส่วนรายได้ต่างประเทศของบริษัทจะมีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้นจากปัจจุบันที่รายได้ในประเทศและต่างประเทศจะมีสัดส่วน 65: 35 % แต่ภายใน5ปีรายได้ต่างประเทศจะขึ้นไปอยู่ที่ 55%

นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่ายหุ้นของบริษัท เด็กซ์ซอน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ DEXON เปิดเผยว่า DEXON มีความพร้อมแล้วในทุกด้านสำหรับการเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ เป็นวันแรก โดย DEXON เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก หรือ IPO จำนวน 123,183,200 หุ้น โดยกำหนดราคาที่ 4.50 บาท มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาท คิดเป็น 25.85% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้

   

ทั้งนี้ได้มีการกระจายการขายหุ้นให้กับสถาบันและนักลงทุนทั่วไป สำหรับการที่นักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อหุ้น IPO ของ DEXON เป็นจำนวนมากนั้น เป็นผลมาจากการตั้งราคาเสนอขายเป็นราคาที่เหมาะสมรวมถึงนักลงทุนรับรู้ถึงปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต เนื่องจากมีการนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ให้กับนักลงทุนสถาบันในประเทศ และโรดโชว์ให้กับนักลงทุนรายย่อย ประชาชนทั่วไปในประเทศอีกจำนวน 5 จังหวัด

 ขณะที่ผลประกอบการของ DEXON ในปี 2563-2565 บริษัท และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขาย และบริการ 438.97 ล้านบาท 433.46 ล้านบาท และ 608.51 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ 11.04 ล้านบาท 18.15 ล้านบาท 105.15 ล้านบาท ตามลำดับ