“PTG “ไตรมาส1ปี66 ฟื้น!มั่นใจโตเลข  2 หลัก-3โบรกเกอร์ฟันธงไตรมาสแรกปีนี้ฟื้นชัดไตรมาส2โตต่อเนื่อง แนะซื้อ ให้ราคาเป้าหมาย16-19.50บาท

Categories : Update News, Stock Market

Public : 05/03/2023
"PTG "ไตรมาส1ปี66 ฟื้น!มั่นใจโตเลข  2 หลัก ด้านผู้บริหารลั่นทุ่ม 1,500 ล้านลุย 2 ธุรกิจใหม่  กรีนเอนเนอร์ยี่ และไฟแนนซ์ 3โบรกเกอร์ฟันธงไตรมาสแรกปีนี้ฟื้นชัดไตรมาส2โตต่อเนื่อง แนะซื้อ ให้ราคาเป้าหมาย16-19.50บาท

นายรังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.พีทีจีเอ็นเนอร์ยี  (PTG)  เปิดเผยถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทงวดไตรมาสแรกของปี 2566 ว่า เห็นสัญญาณการฟื้นตัวขึ้นชัดเจนและต่อเนื่องเมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อนหน้า โดยน่าจะเติบโตได้เลข 2 หลักหลังจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวกลับมา และช่วงเทศกาลปีใหม่และต่อเนื่องมาสงกรานต์ ที่ปริมาณการใช้น้ำมันปรับตัวดีขึ้น จากการท่องเที่ยว ขณะที่ค่าการตลาดเองก็กลับมาอยู่ในฝั่งที่เป็นคุณกับผู้ประกอบการ หลังจากราคาน้ำมันดิบลดลง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะสนับสนุนผลการดำเนินงานของบริษัท

            ขณะที่ผลดำเนินงานในฝั่งธุรกิจนันออยล์  ก็เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้  ในส่วนของกาแฟพันธุ์ไทย ปีนี้ตั้งเป้าขยายให้ครบ 1,500 สาขา จาก 600 สาขาในปัจจุบัน   ด้านธุรกิจพลังงานทดแทนคือโรงไฟฟ้าขยะ  ที่ดำเนินการโดยบริษัทย่อยก็มีความคืบหน้าอย่างมาก เพราะได้ลงนามในสัญญาไปแล้วและคาดว่ากลางปี 2568 จะสามารถเชื่อมเข้าระบบได้  รวมถึงยังมองหาโอกาสในธุรกิจกำจัดขยะ ในโรงปูนในอนาคตด้วย   ส่วนการติดแผงโซลารูฟบนสถานีบริการก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆให้ได้ครบ 100 แห่งซึ่งในช่วงค่าไฟแพงเห็นผลชัดเจนว่าทำให้บริษัทสามารถลดต้นทุนพลังงานลงได้ชัดเจน

 

 นอกจากนี้มีแผน  รุกเข้าสู่ธุรกิจไฟแนนซ์จากการที่ปัจจุบันบริษัทมีฐานลูกค้าสมาชิก  PT Max Card   ที่มีฐานสมาชิกกว่า 19ล้านสมาชิกซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถต่อยอดเข้าสู่ธุรกิจไฟแนนซ์เพื่อเพิ่มความสะดวกและบริการด้านต่างๆให้สมาชิกของบริษัท

  “ ได้ตั้งเป้าว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 1500ล้านบาท ใน2ธุรกิจนี้เพื่อที่จะเป็นนิวเอสเคิฟที่สำคัญของบริษัทในอนาคตข้างหน้า”

   ทั้งนี้ที่ผ่านมาบริษัทได้ ทำ “แอปพลิเคชัน Max Me” ที่จะช่วยตอบโจทย์สมาชิกบัตร PT Max Card ที่ โดยผู้ใช้ งานสามารถ สะสมคะแนน Max Point และใช้ ฟังก์ชัน e-Wallet  ทำธุรกรรมต่างๆ   ผ่านโทรศัพท์มือถือในยุคดิจิตอลไลฟ์สไตล์

โดยบริษัทฯ  ได้วางแผนเติบโต  ของแอปพลิเคชัน Max Me ไว้ 3 ประกำรด้วยกัน

ประการแรก เพิ่มฐานสมาชิก ของแอปพลิเคชัน Max Me โดยแปลงสมาชิกบัตร PT Max Card   19ล้านสมาชิกให้ มารับชำระเงินแบบไม่ใช้เงินสด ในระบบนิเวศของบริษัทฯ ภายใต้ Max Me Wallet  ได้ที่  สถานีบริการน้ำมัน PT  ร้านกาแฟพันธุ์ไทย  ร้านสะดวกซื้อ Max Mart และ  Coffee World เป็นต้น

 ประการที่สอง   ระบบนิเวศทำงธุรกิจให้แข็งแรง โดยร่วมเป็นพันธมิตรกับผู้ค้ารายต่าง ๆ เพื่อมอบสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้าครอบคลุม    และ

ประการสุดท้ายปรับปรุงขั้นตอนการแลกคะแนน  Max Point ให้ง่ายขึ้นเพื่อให้ ลูกค้าใช้ชีวิตภายใต้ระบบนิเวศของบริษัทฯได้อย่าง “อยู่ดี มีสุข”

   

 3 บริษัทหลักทรัพย์แนะนำซื้อหุ้นPTG ระบุชัดไตรมาส1กำไรฟื้นตัวให้ราคาเป้าหมาย 16-19.50บาท

 

 บล.หยวนต้าระบุว่า ไตรมาส 1 เป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นตัว คาดว่า 1Q66 จะมีกำไรปกติ  ที่ 268 ล้านบาท   พลิกเป็นกำไร QoQ และเติบโต+61% YoY โดยได้แรงหนุนจาก

 1.คาดปริมาณขายน้ำมันรวมใน 1Q66 ที่ 1,475 ล้านลิตร (+5% QoQ, +17% YoY) ทำระดับสูงสุดใหม่รายไตรมาสอีกครั้ง (ต่อจาก 4Q65) หลังกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวและการปรับเพดานราคาน้ำมันดีเซลลงทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันฟื้นตัว

 2.คาดค่าการตลาดน้ำมันฟื้นตัวกลับมาอยู่ในระดับ 1.71 บาท/ลิตร  (+8% QoQ, +1% YoY) หลังราคาน้ำมันในตลาดโลกมีเสถียรภาพมากขึ้น (การบริหารต้นทุนน้ำมันในคลังทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น   และกบง. มีมติเห็นชอบให้ปรับค่าการตลาดน้ำมันนเชื้อเพลิงกลับสู่ระดับปกติ (ประกาศกลางเดือน ก.พ.) และ

 3.คาดส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจ Palm Complex ฟื้นตัวกลับมาที่ราว 25 ล้านบาท(พลิกจากส่วนแบ่งขาดทุนใน 4Q65, -6% YoY)  หลังภาครัฐมีการปรับสัดส่วนผสมไบโอดีเซลกลับมาเป็น B7 (มีความต้องการใช้น้ำมันไบโอดีเซลมากขึ้น)  หากกำไรปกติ 1Q66 ออกมาใกล้เคียงคาดจะคิดเป็นสัดส่วน 18% ของกำไรทั้งปี

 

นอกจากนี้มองต่อเนื่องไปใน ไตรมาส   2 ปี66 มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง QoQ กำไรปกติจะกลับไปอยู่ในระดับ 400-500 ล้านบาท จาก  ปริมาณขายน้ำมันมันรวมจะทำระดับสูงสุดใหม่ได้ต่อเนื่องหลังเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูเพาะปลูกของภาคการเกษตร (เครื่องมือทางการเกษตรส่วนใหญ่ใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิง) และ 2) คาดมติปรับค่าการตลาดน้ำมันกลับสู่ระดับปกติของ กบง. จะส่งผลให้ค่าการตลาดน ้ามันฟื้นตัวกลับไปอยู่ในระดับ 1.80 บาท/ลิตรได้ใน 2Q66

 

 ด้วยปัจจัยสนับสนุนทั้งหมด ทำให้เรา ปรับคำแนะนาขึ้นเป็น “ซื้อ” คงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 ที่ 16.00 บาท/หุ้น   ราคาปัจจุบันซื้อขายบน PER 66 เพียง 14.7 เท่าใกล้เคียงค่าเฉลี่ย Forward PER ย้อนหลัง 3  

 

บล.ฟิลลิป 12เดือนข้างหน้าให้ 19.5บาท

 บล.ฟิลลิปแนะนำให้มองราคาเป้าหมาย12เดือนข้างหน้าที่ 19.50บาท และคาดว่า   1Q66 พลิกกลับมากำไร  ที่ 197 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณการขายน้ำมันที่คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นราว 4.4%   q-q และ 16.2%   y-yจากการขยายสถานีบริการ และใน 1Q66 PTG ได้ขยายสถานีบริการน้ำมันอีกราว11 สถานีทำให้มีสถานีบริการน้ำมันทั้งหมด  2,160 สถานี

  ประกอบกับค่าการตลาดที่ปรับตัวดีขึ้นซึ่งทางฝ่ายคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ1.7 บาท/ลิตรจากเดิม 1.58 บาท/ลิตร ใน 4Q65 จากการปรับค่าการตลาดน้ำมันดีเซลกลับสู่ภาวะปกติซึ่งมีผลในช่วงเดินก.พ. 66 ส่งผลให้คาดว่าผลการดำเนินงานโดยรวมของธุรกิจน้ำมันมีแนวโน้มที่ดีขึ้นทั้ง y-y และ q-q

สำหรับ ธุรกิจ Non-oil ทางฝ่ายคาดว่าปริมาณการขาย LPG จะปรับตัวสูงขึ้นราว4.1%  q-q และ 35.6%  y-y ในส่วนของพันธุ์ไทยมีการขยายสาขาเพิ่มอีกประมาณ59 สาขาซึ่งPTG ยังคงเป้าหมายไว้ที่ 1,500สาขา ภายในสิ้นปี2566 โดยทางบริษัทคาดว่าการเปิดสาขาใหม่จะเร่งตัวในช่วง 2H66ขณะเดียวกันทางฝ่ายคาดว่า SG&A จะอยู่ที่ราว 1.65 บาท/ลิตร ลดลงจาก 1.67 บาท/ลิตร ใน 4Q65เนื่องจากปริมาณการขายน้ามันและ LPG ที่สูงขึ้น

  ด้าน บล.ทิสโก้คาด ไตรมาส 1 ปี 66  PTGจะมีกำไร 209ล้านบาท เติบโต31%เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณขายน้ำมันโต20%และรายได้จากนันออยล์เติบโต แนะนำซื้อให้ราคาเป้าหมาย 16บาท