PTTGC ไตรมาสแรกของปี  กำไร 82  ล้านบาท มองตลาดพาราไซลีน-แนฟทา-พลาสติกปีนี้ยังสดใส 

Categories : Update News, Stock Market

Public : 05/10/2023

PTTGC ไตรมาสแรกของปี  กำไร 82  ล้านบาท มองตลาดพาราไซลีน-แนฟทา-พลาสติกปีนี้ยังสดใส

 

บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC เปิดเผยผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/66 มีกำไร 82.45 ล้านบาท ลดลง 88% จากงวดเดียวกันปี 65 ที่มีกำไร 2,596 ล้านบาท

ในไตรมาส 1/2566 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม 147,248 ล้านบาท ลดลง 16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดย Adjusted EBITDA อยู่ที่ 9,530 ล้านบาท ลดลง 24%

โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นกลางและกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษมีการอ่อนตัวลง บริษัทร่วมทุนทางด้านธุรกิจปิโตรเคมีหลายแห่งยังมีผลประกอบการที่อ่อนตัวส่งผลให้บริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในไตรมาสนี้จำนวน 152 ล้านบาท ประกอบกับบริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายทางการเงินสุทธิเพิ่มขึ้นตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ปรับสูงขึ้น ทำให้บริษัทฯ มีผลขาดทุนจากการดำเนินงานปกติ จำนวน 240 ล้านบาท

ทั้งนี้บริษัทฯ มีรายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากการดำเนินงานปกติ ได้แก่ ผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันและรายการกำไรจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือให้เท่ากับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับ (Stock Loss Net NRV) รวม 1,359 ล้านบาท ผลกำไรจากตราสารอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยง 943 ล้านบาท ผลกำไรทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยนและผลขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ทางการเงินรวมเป็นกำไร 696 ล้านบาท ส่งผลให้ในไตรมาส 1/66

บริษัทฯ คาดการณ์แนวโน้มราคาน้ำมันดิบดูไบในปี2566 อยู่ที่เฉลี่ย 80-85เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมของโรงกลั่น บริษัทฯ คาดว่าสถานการณ์ราคาและส่วนต่างราคาของผลิตภัณฑ์ในปี 2566 มีแนวโน้มอ่อนตัวลงจากในปี2565 ที่ส่วนต่างราคาอยู่ในระดับสูงจากอุปทานที่ตึงตัวเป็นผลของสถานการณ์ความขัดแย้งในทวีปยุโรป

ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีของโรงอะโรเมติกส์บริษัทฯ คาดว่าส่วนต่างของผลิตภัณฑ์พาราไซลีนกับแนฟทาในปี 66 จะปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ 370-390เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ส่วนกลุ่มโอเลฟินส์บริษัทฯ คาดว่าราคาผลิตภัณฑ์เอทิลีนจะอยู่ที่ 970-1,000เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ราคาผลิตภัณฑ์โพรพิลีนจะอยู่ที่970-1,000 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน โดยจะยังได้รับความกดดันจากอุปทานใหม่ที่จะเข้ามาในตลาดโดยเฉพาะจากประเทศจีน

ด้านผลิตภัณฑ์ฟีนอลในปี 66 บริษัทฯ คาดว่าส่วนต่างของผลิตภัณฑ์ฟีนอล (P2F)จะอยู่ที่ 240-250เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ปรับตัวลดลงจากปี 65 ส่วนผลิตภัณฑ์โมโนเอทิลีนไกลคอล (MEG)และผลิตภัณ ฑก์รดเทเรฟทารคิบริสุทธิ์(PTA) บริษัทฯ คาดว่าราคา MEG จะอยู่ที่ 540-560เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน และคาดว่าส่วนต่างของผลิตภัณฑ์ PTA จะทรงตัว

ด้านตลาดเม็ดพลาสติกโพลิเอทิลีนในปี2566 บริษัทฯ คาดว่าราคาเฉลี่ยเม็ดพลาสติก HDPE จะเฉลี่ยอยู่ที่ 1,130 – 1,180 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน โดยจะยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากอุปสงค์การใช้งานในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ และการเปิดประเทศของประเทศจีน