กลต. ชี้กรณีSTARKโทษหนักคุก10ปี ย้ำเดินหน้าบังคับใช้กฎหมายและตรวจสอบ ตามความผิด พรบ.หลักทรัพย์ เปิดเผยข้อมูลเท็จ- แต่งบัญชี -สร้างราคาหุ้น พร้อมผนึกDSI -ปอศ -ปปง. หาคนทำผิดสู่ขบวนการลงโทษ

 

กลต. ชี้กรณีSTARKโทษหนักคุก10ปี ย้ำเดินหน้าบังคับใช้กฎหมายและตรวจสอบ   ตามความผิด พรบ.หลักทรัพย์ เปิดเผยข้อมูลเท็จ- แต่งบัญชี  -สร้างราคาหุ้น พร้อมผนึกDSI -ปอศ -ปปง. หาคนทำผิดสู่ขบวนการลงโทษ

นายธวัชชัย ทิพยโสภณ รักษาการเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ( ก.ล.ต) เปิดเผยในการแถลงข่าวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในตลาดทุนเกี่ยวกับ กรณีของบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (STARK) ว่าสำนักงาน กลต. เดินหน้าตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายหลักทรัพย์ ต่อเนื่องซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการ ตามความผิดที่เกิดขึ้น รวมทั้งได้ร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อ นำผู้กระทำผิดเข้าสู่ขบวนการลงโทษ ในที่สุด

" บ่ายวันนี้จะหาคือกับ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) เพื่อดำเนินการร่วมกันในกรณีนี้" รักษาการเลขาธิการ กลต.กล่าว

อย่างไรก็ตามในการดำเนินการกรณีSTARKสำนักงานได้สั่งให้มีการตรวจสอบบัญชีพิเศษทันทีหลัง บริษัทไม่ส่งงบการเงิน และเมื่อมีการส่งงบการเงิน พบว่า มีการเปลี่ยนแปลง อย่างมีนัยสำคัญ จากที่เคยเปิดเผยว่า มีกำไรสุทธิ เป็นขาดทุน ซึ่งประเด็นนี้อาจเข้าข่าย "การเปิดเผยข้อมูลเป็นเท็จ" และประเด็นงบการเงินนั้น ก็จะต้องไปดูในเรื่องการตรวจสอบทางบัญชี   และสร้างราคาหุ้น ซึ่งยืนยันว่า กลต. จะตรวจสอบในทุกๆประเด็น ที่เกิดขึ้น

นายธวัชชัย กล่าวว่า ถึงตอนนี้ยังคงยืนยันว่า กลต ยังเป็นที่ไว้วางใจของนักลงทุนได้กลต จะดำเนินการและบังคับใช้ กฎหมาย เต็มที่ ระหว่างทางของการตรวจสอบไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ แต่ ในที่สุดแล้วให้รอดูผลในชั้นสุดท้าย

" กรณีSTARK ถือเป็นขบวนการทำผิดที่มีมูลค่าเสียหาย เยอะเกี่ยวข้องทั้ง หุ้น หุ้นกู้เฉพาะหุ้นกูวงเงิน กว่า 9,000 ล้านบาท  ไม่นับรวมในเรื่องทางบัญชี ซึ่ง กรณีนี้ถือว่ามีโทษหนักหรือมีโทษจำคุก10ปี ส่วนจะครอบคลุมกลุ่มคนทำผิดใครอย่างไร ก็ต้องรอดู"

สำหรับกรณีของผู้ตรวจสอบบัญชีของ STARK ก.ล.ตเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีในตลาดทุนเท่านั้น ซึ่งหากพบข้อสงสัยสำนักงานก็จะเข้าไปตรวจดูและได้มีการหารือกับสภาวิชาชีพบัญชี พร้อมยืนยันจะทำตามหน้าที่อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการตรวจสอบทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว ว่ามีส่วนรู้เห็นหรือไม่

 

"มองว่ากรณีผู้สอบบัญชีที่อาจถูกพักหรือเพิกถอนใบอนุญาต ถือว่าเป็นกรณีที่ร้ายแรงมากแล้ว แต่หากมากกว่าการพบการบกพร่องในหน้าที่หรือมีส่วนร่วมในการกระทำความผิด ก็อาจต้องมีโทษตามกฎหมาย ซึ่งหากผู้ตรวจสอบบัญชีเกี่ยวข้องในการสนับสนุนก็จะมีโทษร้ายแรงมากกว่าการพักใบอนุญาตหรือยกเลิก ซึ่งตอนนี้สำนักงานก.ล.ต.อยุ่กระบวนการการตรวจสอบซึ่งยังไม่สามารถพูดได้หรือระบุเฉพาะเจาะจงว่าจะดำเนินการกับใครบ้าง"นายธวัชชัยกล่าว

นายธวัชชัย กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า นอกจากนี้ ก.ล.ต. เตรียมช่วยเหลือเยียวยาผู้ลงทุนในการประสานงานกับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องในการดูแลสิทธิผู้ลงทุน

 

สำหรับประเด็นเรื่องหุ้นกู้ที่มีการขายให้กับนักลงทุนรายย่อย ซึ่งอาจไม่ตรงกับเป้าหมายกลุ่มลูกค้าที่ระบุไว้ในการยื่นขออนุญาต ทางสำนักงานก.ล.ต. ได้เข้าไปตรวจสอบแล้ว โดยเรื่้องดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณา

 

"ต้องยอมรับว่า ปัจจุบันบริษัทส่วนใหญ่ไม่ได้มีปัญหา แต่เป็นบริษัทส่วนน้อยที่มีปัญหาแล้วกระทบต่อภาพรวม โดยจากกรณีดังกล่าว ก.ล.ต.ได้พูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งมีการพิจารณากันใน 2-3 เรื่อง อาทิเรื่องกฎเกณฑ์ที่มีอยู่ว่าเหมาะสมหรือไม่ ถัดมาคือเรื่องให้ความรู้ทั้งในส่วนของผู้ที่ตั้งใจจะทำเรื่องดี ๆและส่วนผู้ลงทุน รวมถึงการเยียวยาผู้ลงทุน" นาย ธวัชชัย กล่าว

 

ทั้งนี้ใน พรบ หลักทรัพย์ กรณี การเปิดเผยข้อมูลและผู้สอบบัญชี (มาตรา 56 – มาตรา62)บริษัทที่ออกหลักทรัพย์มีหน้าที่ในการเปิดเผยข้อมูลต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เช่น

- งบการเงินรายไตรมาสที่ผู้สอบบัญชีได้สอบทานแล้ว และงบการเงินประจำงวด การบัญชีที่ผู้สอบบัญชีตรวจสอบและแสดงความเห็นแล้ว  ทั้งนี้ ผู้สอบบัญชีดังกล่าวต้องเป็นผู้สอบบัญชีที่สำนักงาน ก.ล.ต. ให้ความเห็นชอบ