บลจ. พรินซิเพิล พร้อมเปิดขายกองทุนเปิด PRINCIPAL GQE ครั้งแรก

Categories : Update News, Wealth

Public : 07/11/2023

บลจ. พรินซิเพิล พร้อมเปิดขายกองทุนเปิด PRINCIPAL GQE ครั้งแรก วันที่ 12 – 21 กรกฎาคม 2566 เน้นลงทุนในหุ้นคุณภาพสูงชั้นนำทั่วโลกที่มีกำไรเติบโต

นายศุภกร ตุลยธัญ, CFA ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรินซิเพิล จำกัด เปิดเผยว่าภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันที่ตลาดการลงทุนทั่วโลกมีความไม่แน่นอนและผันผวน จากเศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลอตัวลง สหรัฐฯและยุโรปมีแนวโน้มเข้าสู่เศรษฐกิจถดถอย อีกทั้ง Fed ที่มีท่าทีปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมเดือนกรกฎาคม 2566 ประกอบกับ สภาพคล่องที่มีแนวโน้มตึงตัวมากขึ้นในเศรษฐกิจสหรัฐจากการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวด ความเสี่ยงดังกล่าวทำให้เรามองว่านักลงทุนควรลงทุนในหุ้นของบริษัทคุณภาพชั้นนำขนาดใหญ่ทั่วโลกที่มีความมั่นคงของธุรกิจและรายได้ ผ่านกองทุนหลักที่บริหารจัดการโดยผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญในการคัดเลือกหุ้นและบริหารกองทุนในระยะถัดไป ล่าสุด บลจ.พรินซิเพิล จึงเปิดตัว กองทุนเปิดพรินซิเพิล โกลบอล ควอลิตี้ อิควิตี้ หรือ Principal Global Quality Equity Fund (PRINCIPAL GQE) มีทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท (Greenshoe 15%) โดยจะเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) ในวันที่ 12 – 21 กรกฎาคม 2566 สั่งซื้อขั้นต่ำ 1,000 บาท

กองทุน PRINCIPAL GQE เป็นกองทุนหน่วยลงทุนประเภท Feeder Fund ที่ลงทุนในกองทุน FundsmithSICAV-Fundsmith Equity Fund เป็นกองทุนหลักเพียงกองทุนเดียว บริหารโดย “Terry Smithผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์ด้านการลงทุนกว่า 40 ปี และได้รับยกย่องว่าเป็น Warren Buffet แห่งอังกฤษ พร้อมทีมนักวิเคราะห์นำโดยJulian RobinsHead of Research ที่มีประสบการณ์ด้านการลงทุนกว่า 30 ปี Fundsmith LLP เป็นบริษัทจัดการทรัพย์สินชั้นนำในอังกฤษ มีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการรวม 3.5 หมื่นล้านปอนด์ (ประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท) ณ สิ้นปี 2565 มีผลงาบริหารกองทุน Fundsmith Equityโดยสร้างผลตอบแทนถึง 525.90% (ดัชนีเปรียบเทียบ- World Index เท่ากับ +300.21%) นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2553 โดยกองทุนที่ลงทุน Fundsmith SICAV-Fundsmith Equity Fund I USD ให้ผลตอบแทนนับจากต้นปีถึงเมษายน (YTD) 13.6% สูงกว่าดัชนีเปรียบเทียบ (MSCI World Index) ที่ 8.9% และผลงาน 3 ปีและ 5 ปีย้อนหลังอยู่ที่ 10.7% และ 9.9% ต่อปีตามลำดับ เทียบดัชนีเปรียบเทียบอยู่ที่ 13% และ 7.6% ต่อปีตามลำดับ นอกจากนี้กองทุนหลัก ยังได้รางวัลมอร์นิ่งสตาร์ 5 ดาว (ที่มา: มอร์นิ่งสตาร์ ณ เมษายน 2566) โดยมุ่งลงทุนในหุ้นคุณภาพสูงชั้นนำทั่วโลกที่มีกำไรเติบโตสม่ำเสมอ หุ้นในพอร์ตทั้งหมด 100% เป็นบริษัทที่มีกำไรเป็นบวกทั้งหมด นักลงทุนสามารถลงทุนกองทุน PRINCIPAL GQE ให้เป็นหนึ่งพอร์ตการลงทุนหลัก (Core Portfolio) เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว

ทั้งนี้ หุ้นที่กองทุนหลักลงทุน อาทิ Microsoft ผู้ผลิตและพัฒนาซอท์แวร์รายใหญ่ของโลก, PEPSICO ผู้ผลิตเครื่องดื่ม อาหารและขนมรายใหญ่ของโลก, LVMH เจ้าของแบรนด์แฟชั่นและลักชัวรี่ชั้นนำของโลก เช่น Louis Vuitton , NOVO NORDISK ผู้นำการดูแลสุขภาพระดับโลกที่มีนวัตกรรมรักษาโรคเบาหวานและโรคเรื้อรังรายแรงอื่นๆ, IDEXX ผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมการดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงและให้บริการระบบวินิจฉัยตรวจจับโรคต่างๆ ในสัตว์ ฯลฯ โดยคัดเลือกหุ้นแบบ Bottom Up จากการพิจารณาปัจจัยพื้นฐานของหุ้นรายตัว และ High conviction ซึ่งจะถือหุ้น 20 - 30 ตัว เน้นหุ้นที่มีศักยภาพแข่งขันและสร้างกำไรที่ดีเพื่อลงทุนระยะยาว และไม่ลงทุนในหุ้นที่สัดส่วนรายได้เกินกว่า 5% จากการสกัดหรือเผาไหม้เชื้อเพลิงถ่านหิน น้ำมันและก๊าซ

Fundsmith SICAV-Fundsmith Equity Fund วางกลยุทธ์หลัก 3 ข้อเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่กองทุน ได้แก่ (1)Only invest in good companies ลงทุนในบริษัทที่ดีเท่านั้น โดยเน้นบริษัทชั้นนำทั่วโลกที่มีคุณภาพสูง เช่น มีกำไรจากการดำเนินงานสม่ำเสมอและยาวนาน, มีธุรกิจทีได้เปรียบคู่แข่ง เลียนแบบได้ยาก รับมือการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีได้ดี, มีรายได้สูงและคาดการณ์ได้ เป็นต้น นอกจากนี้กลุ่มธุรกิจที่ลงทุนจะต้องมี ROCE (Return on Capital Employed) มากกว่า WACC (Weighted Average Cost of Capital) หรือมีอัตราส่วนวัดประสิทธิภาพความสามารถสร้างผลตอบแทนจากการดำเนินงานที่สูงกว่าเงินทุน โดยกองทุน Fundsmith มี ROCE สูงถึง 32% มากกว่าดัชนี S&P 500 ที่ทำได้ 18%

(2) Don’t over pay ลงทุนในหุ้นที่มีราคาเหมาะสมหรือมูลค่าที่แท้จริงต่ำกว่ามูลค่าตลาด โดยเลือกหุ้นของบริษัทที่มี FCF Yield หรือกระแสเงินสดต่อหุ้นที่สูงกว่าดอกเบี้ยระยะยาว และลงทุนในบริษัทที่กระแสเงินสดมีแนวโน้มเติบโต 4 – 5 เท่า เมื่อเทียบกับกระแสเงินสดที่ได้จากธุรกิจในปัจจุบัน รวมถึงไม่ลงทุนในหุ้นทีราคาแพงเกินไป

และ (3) Do nothing เน้นลงทุนระยะยาว ไม่ซื้อขายตามภาวะตลาดหากหุ้นที่ถือยังมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี เนื่องจากการซื้อขายบ่อยเกินไปจะทำให้มีผลตอบแทนลดลง จากสถิติพบว่าหากลงทุนในตลาดหุ้น S&P 500 ด้วยเงินลงทุน 10,000 ปอนด์ เป็นระยะเวลา 20 ปีนับจากวันที่ 31 ธันวาคม 2545 ถึง 31 ธันวาคม 2565 โดยไม่ซื้อขายหุ้นเลยและนำเงินปันผลมาลงทุนเพิ่ม จะมีเงินเพิ่มขึ้น 666% เป็น 76,581 ปอนด์ และจะขายต่อเมื่อปัจจัยพื้นฐานของบริษัทเปลี่ยนแปลง ราคาหุ้นแพงกว่าพื้นฐาน หรือพบหุ้นตัวใหม่ที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงกว่า

นอกจากนี้ จากสถิติพบว่านับจากจัดตั้งกองทุน Fundsmith เมื่อปี 2553 สามารถสร้างผลการดำเนินงานในช่วงวิกฤตได้ดีกว่าดัชนีเปรียบเทียบ (MCSI World Index)เช่น ในช่วงที่เกิดสงครามการค้าสหรัฐอเมริกา - จีน (18 พ.ค.2558 11 ก.พ.2559) กองทุนฯ สามารถสร้างผลตอบแทน 6.15% เทียบกับดัชนีเปรียบเทียบที่ให้ผลตอบแทนติดลบ 10.54% และหากย้อนหลังช่วงเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยปี 2551 รายชื่อหุ้นที่ลงทุนยังสามารถสร้างกำไรเป็นบวกได้

กองทุนเปิดพรินซิเพิล โกลบอล ควอลิตี้ อิควิตี้ หรือPrincipal Global Quality Equity Fund (PRINCIPAL GQE) จะเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) ในวันที่ 12-21 กรกฎาคม 2566 สั่งซื้อขั้นต่ำ 1,000 บาท พิเศษช่วง IPO สำหรับผู้ลงทุนคิดค่าธรรมเนียมการขาย (Front-end Fees) 1% ของมูลค่าหน่วยลงทุน และหลัง IPO คิดค่าธรรมเนียมการขายที่ 1.50% ของมูลค่าหน่วยลงทุน