เชียร์ซื้อKBANK ชี้จบดีลซื้อ HCVหนุนกำไรเพิ่ม

Categories : Update News, Stock Market

Public : 08/28/2023

ฝ่ายวิจัย CGS-CIMB มองบวกกรณีที่ KBANK จะซื้อกิจการ HOME Credit Vietnam (HCV) หากซื้อสำเร็จ คาดกำไรปี 2567 มี upside ราว 5% และ KBANK จะเป็น 1 ใน 20 ธนาคารที่มีสินทรัพย์ใหญ่สุดในเวียดนามปี 2570 ตามเป้าหมายของ KBANK ที่วางไว้ จึงยังแนะนำ “ซื้อ” หุ้น KBANK ให้ราคาเป้าหมาย 168 บาท

คุณณฐพล พงษ์สุขเจริญกุล นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากการที่มีกระแสข่าว ซึ่งสำนักข่าว Reuters รายงานเมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่า ธนาคารกสิกรไทย(KBANK) กำลังพิจารณาจะเข้าซื้อกิจการของ HCV ในราคาไม่เกิน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งจะช่วยขยายธุรกิจของ KBANK ในเวียดนาม ขณะที่ KBANK ชี้แจงว่า ธนาคารแสวงหาโอกาสทางธุรกิจต่างๆในเวียดนามอยู่แล้ว ซึ่งอาจส่งผลหรือไม่ส่งผล ให้ธุรกรรมเกิดขึ้นหรือไม่ก็ได้

ทั้งนี้ในปีนี้ KBANK เคยระบุถึงการตั้งเป้าหมายปี 2570 สำหรับธุรกิจ ในเวียดนามนามไว้ว่า คาดมีรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ 400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 1.4 หมื่นล้านบาท, คาดมียอดสินเชื่อรวม 1.8 แสนล้านบาท, คาดมีฐานลูกค้า 8.4 ล้านคนและยังตั้งเป้าเป็น 1 ใน 20 ธนาคารที่มีมูลค่าสินทรัพย์สูงสุดในเวียดนามด้วย

สำหรับ Home Credit Vietnam (HCV) นั้น เมื่อดูจากเว็บไซต์ของบริษัท พบว่า ในปี 2565 มีจุดให้บริการ 9,000 แห่ง ประเทศ, มีผลิตภัณฑ์หลักสามกลุ่ม ได้แก่ สินเชื่อรถจักรยานยนต์ สินเชื่อเครื่องใช้ไฟฟ้า สินเชื่อเงินสด

ข้อมูลทางการเงิน ล่าสุดของ HCV จากรายงานในปี 2563 ของ Home Credit Group Report ของเนเธอร์แลนด์และรายงานของ Fitch Ratings พบว่า HCV มีสินทรัพย์รวมประมาณ 22 ล้านล้านดอง (ประมาณ 3.5-4.0 หมื่นล้านบาท) มีอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวม(ROA) ที่ 4%, มีอัตราส่วนกำไรต่อส่วนของผู้ถือหุ้น(ROE) ที่ 20% และมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E) ที่ 4 เท่า

คุณณฐพล มองว่า แม้จะยังไม่มียืนยันดีลการจะซื้อ HCV แต่ฝ่ายวิจัยฯได้ลองประเมินผลที่จะเกิดขึ้นกับ KBANK โดยประมาณการจากการอิงข้อมูลของ HCV ในปี 2563 พบว่าในเบื้องต้นราคาที่ตั้งไว้ 3.5 หมื่นล้านบาท จะเท่ากับราคาหุ้นต่อมูลค่าหุ้นทางบัญชี(P/BV) ราว 3.5 เท่า และ P/E 17.5 เท่าในปี 2565 ซึ่งราคาดังกล่าวมี premium เล็กน้อยเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของผู้ให้บริการสินเชื่อผู้บริโภคในภูมิภาคที่ 2 เท่า อย่างไรก็ตามมองว่า เป็นระดับที่เหมาะสม เมื่อประเมินจาก ROE ที่ 20% และการเติบโตของสินเชื่อที่มีแนวโน้มสูงในเวียดนาม

สำหรับ KBANK มีเงินกองทุนตามหลักเกณฑ์ Basel ที่ 4.71 แสนล้านบาทในไตรมาส 2/2566 จึงเชื่อว่า KBANK สามารถเข้าซื้อกิจการ HCV ที่ราคาประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาทได้ โดยมีกระทบเพียงเล็กน้อยต่อเงินกองทุนและอัตราส่วนเงิน กองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง(CAR ratio) ของ KBANK

นักวิเคราะห์ CGS-CIMB มองว่า หาก KBANK เข้าซื้อกิจ HCV เป็นผลสำเร็จ คาดว่ากำไรสุทธิของ KBANK ในปี 2567 จะมี upside ประมาณ 5% จึงมีมุมมองเชิงบวกต่อดีลนี้ เพราะจะสามารถช่วยให้ KBANK ก้าวขึ้นเป็น 1 ใน 20 ธนาคารที่มีสินทรัพย์สูงสุดในเวียดนามภายในปี 2570 ได้ตามที่ KBANK ตั้งเป้าไว้

จึงยังแนะนำ “ซื้อ” หุ้น KBANK ให้ราคาเป้าหมายหุ้นละ 168 บาท เนื่องจากคาดว่าคุณภาพสินทรัพย์ของ KBANK จะค่อยๆฟื้นตัว และมูลค่ายังน่าสนใจ มี P/BV ที่ 0.58 เท่าในปี 2566

ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามด้านปัจจัยพื้นฐานของ KBANK ก็คือ คุณภาพของสินทรัพย์ ตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่จะลดลงจาก 3.8% ในไตรมาส 2/2566, การสำรองหนี้สูญที่จะลดลงจากประมาณ 190-200bp ในปีนี้ ซึ่ง KBANK มีอัตราการสำรองหนี้สูญค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับธนาคารอื่นของไทย ที่สำรองหนี้สูญประมาณ 150bp

ปัจจัยบวกที่จะทำให้ราคาหุ้น KBANK ปรับตัวขึ้นคือ คุณภาพสินทรัพย์โดยรวมที่ดีขึ้น, ความคืบหน้าในการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งจะช่วยลดภาระการตั้งสำรองหนี้สูญ ขณะที่ downside risk จะมาจากคุณภาพสินทรัพย์ที่ลดลง พร้อมกับการสำรองหนี้สูญที่เพิ่มขึ้น, สินเชื่อขยายตัวช้ากว่าคาด และส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ(NIM) ลดลง เพราะต้นทุนดอกเบี้ยสูงขึ้น