ธ.ก.ส. คว้ารางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม ประจำปี 2566

Categories : Update News, ESG News

Public : 10/07/2023

ธ.ก.ส. คว้ารองชนะเลิศอันดับ 2 รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม ผ่านโครงการธนาคารต้นไม้และชุมชนไม้มีค่า พร้อมผนึกกำลัง 6,800 ชุมชน ขับเคลื่อนการซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้ผ่านโครงการ BAAC Carbon Credit 

       

นายเกียรติศักดิ์ พระวร ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ร่วมพิธีรับรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ประจำปี 2566 (National Innovation Awards 2023) จัดขึ้นโดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) โดย ธ.ก.ส. ได้รับรางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 ในด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม ประเภทวิสาหกิจขนาดย่อมและวิสาหกิจรายย่อยจากโครงการธนาคารต้นไม้ ที่มีจุดประสงค์เพื่อการสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมภายใต้หลักการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) ตามแนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และการพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวม (BCG Model) พร้อมยกระดับชุมชนธนาคารต้นไม้และชุมชนไม้มีค่ากว่า 6,800 ชุมชน ไปสู่การขับเคลื่อนภารกิจซื้อ - ขายคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้ผ่านโครงการ BAAC Carbon Credit

 

​    

นายเกียรติศักดิ์ พระวร ผู้ช่วยผู้จัดการ ธ.ก.ส. เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. ได้ขับเคลื่อนโครงการธนาคารต้นไม้อย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2553  มีชุมชนไม้มีค่ากว่า 6,814 ชุมชน มีต้นไม้ขึ้นทะเบียนกว่า 12.4 ล้านต้น มูลค่าต้นไม้ในโครงการกว่า 43,000 ล้านบาท และมีเป้าหมายในการประเมินมูลค่าต้นไม้เพื่อใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 760 ล้านบาท ธ.ก.ส. จึงร่วมกับชุมชนในการดำเนินโครงการ BAAC Carbon Credit เพื่อเดินหน้าแนวทางการส่งเสริมการซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิตในประเทศ ตามโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program: T-VER) เริ่มจากการขึ้นทะเบียนโครงการ การตรวจนับจำนวนต้นไม้ การตรวจรับรองคาร์บอนเครดิตจากผู้ประเมินภายนอก (Validation and Verification Body : VVB) โดยเตรียมนำร่องโครงการที่ธนาคารต้นไม้บ้านท่าลี่และธนาคารต้นไม้บ้านแดง จังหวัดขอนแก่น

 

ทั้งนี้ ธ.ก.ส. มีเป้าหมายที่จะขยายการสร้างคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้ไปยังชุมชนธนาคารต้นไม้และชุมชนไม้มีค่า รวมถึงขยายผลไปยังกิจกรรมอื่น ๆ เช่น การทำนาเปียกสลับแห้ง เพื่อลดการปล่อยก๊าซมีเทน การลดพื้นที่การเผาตอซังข้าว อ้อยและข้าวโพด การเพิ่มพื้นที่ปลูกป่าชายเลน เป็นต้น