TRPสวยสตรอง!เทรดวันแรกเหนือจอง-คืนหนี้เงินกู้แล้ว ดันมาร์จิ้นพุ่ง

Categories : Update News, Stock Market

Public : 10/24/2023

หุ้น IPO น้องใหม่ TRPเข้าเทรดตลาดหลักทรัพย์ mai วันแรก ไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง เปิดตลาดทะยานแตะ 16.50 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้น 2.50 บาท จากราคา IPO หุ้นละ 14 บาทตอกย้ำพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ด้านผู้บริหารสุดปลื้ม ขอขอบคุณนักลงทุนที่เชื่อมั่น พร้อมนำเงินที่ได้จากการระดมทุนต่อยอดธุรกิจเพื่อเสริมการเติบโต ผลงานไตรมาส 4/2566 โดดเด่น หนุนภาพรวมปี 2566 เติบโตตามเป้า

ผู้ช่วยศาตราจารย์ นายแพทย์ชลธิศ สินรัชตานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสเตติก คอนเนค จำกัด (มหาชน) หรือ TRP ผู้ประกอบกิจการสถานพยาบาลด้านคลินิกเวชกรรม ภายใต้ชื่อ ธีรพรคลินิก ที่ให้บริการศัลยกรรมความงามบนใบหน้าแก่บุคคลทั่วไป เปิดเผยว่า การเข้าซื้อขายหลักทรัพย์วันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ราคาเปิดอยู่ที่ 16.50 าท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท หรือ 17.86 % จากราคา IPO ที่ 14 บาท สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในตัวธุรกิจของบริษัท โดยปัจจัยสำคัญในความสำเร็จ คือ TRP เป็นผู้ที่ดำเนินธุรกิจศัลยกรรมตกแต่งเฉพาะใบหน้ามากว่า 40 ปี โดยอาจารย์แพทย์ผู้ชำนาญเฉพาะทาง ซึ่งมีประสบการณ์เฉลี่ยมากกว่า 17  ปี และได้รับการศึกษาเพิ่มเติมในหลักสูตรศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า (Facial Plastic Surgery) ร้อมให้บริการด้วยระบบทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญชำนาญการเฉพาะจุด โดยมีระบบการควบคุมคุณภาพ หรือ QC (Quality Control) เพื่อรักษามาตรฐานเดียวกัน ซึ่งทางธีรพรนั้น มีนวัตกรรมการผ่าตัดที่เป็นเทคนิคเฉพาะ เช่น การทำศัลยกรรมดึงหน้า (FACE-LOCK), การผ่าตัดศัลยกรรมตาสองชั้น (EYE-LOCK) และการเสริมจมูกด้วยไขมันตัวเอง (FAT STEM CELL) นับเป็นผู้นำนวัตกรรมด้านศัลยกรรมตกแต่งความงามบนใบหน้าในระดับ Premium

ทั้งนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องตามกลยุทธ์การเติบโต พร้อมนำเงินที่ได้จากการระดมทุน ประมาณ 1,215.28 ล้านบาท (ภายหลังหักค่าใช้จ่ายการเสนอขาย) ไปก่อสร้างโรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งเฉพาะใบหน้าแบบครบวงจรแห่งแรกในประเทศไทย จำนวน 450ล้านบาท, จัดซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ 80 ล้านบาท, ชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน 95.44 ล้านบาท และส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ การลงทุนอื่นๆ และการขยายธุรกิจของบริษัทในอนาคต

" วันนี้เราได้คืนหนี้เงินกู้แล้ว 100 ล้านบาทประหยัดดอกเบี้ยจ่ายได้3% ซึ่งจะทำให้มาร์จิ้นสูงขึ้นด้วย และหลังไอพีโอ บริษัทยังเหลือเงินกว่า 500 ล้านหลังใช้ตามวัตถุประสงค์แล้ว ซึ่งก็จะมีรายได้จากเอกเบี้ยเข้ามา จากก่อนหน้ามีดอกเบี้ยจ่าย"

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2566 บริษัทคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 2/2566 ส่วนไตรมาส 4/2566 คาดว่าจะมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน เนื่องด้วยจำนวนลูกค้าที่กลับเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น อีกทั้งมีลูกค้าที่ทำศัลยกรรมจากที่อื่น เข้ามาให้ TRP แก้ไขปัญหาต่างๆ บนใบหน้าที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น การเพิ่มสินค้าใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการเสริมจมูกด้วยไขมันตัวเอง (FAT STEM CELL) รวมถึงการเพิ่มการรับรู้แบรนด์ “ธีรพรคลินิก” ในวงกว้างได้มากขึ้น ภายหลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ล้วนเป็นปัจจัยที่สนับสนุนผลการดำเนินงานปี 2566 เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้

ขอขอบคุณนักลงทุน ที่ให้การต้อนรับหุ้น TRP อย่างอบอุ่น โดยทีมผู้บริหาร แพทย์ และพนักงานทุกคน พร้อมมุ่งมั่นให้บริการศัลยกรรมตกแต่งเฉพาะใบหน้าด้วยความตั้งใจ เพื่อสร้างสรรค์ความสวยงามให้กับผู้มารับบริการให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุและยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจเสริมศักยภาพตามแผน เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน ผู้ช่วยศาตราจารย์ นายแพทย์ชลธิศกล่าว

ด้าน นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า การเปิดซื้อขายหุ้นวันแรกในราคาเปิดเหนือจอง ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของ TRP สะท้อนให้เห็นความเชื่อมั่นที่มีต่อปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เห็นได้จากศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในฐานะผู้นำการให้บริการศัลยกรรมความงามเฉพาะบนใบหน้าแก่บุคคลทั่วไป โดยทีมแพทย์เฉพาะทางที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ด้านศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า ด้วยนวัตกรรมการผ่าตัดที่เป็นเทคนิคเฉพาะของธีรพร เช่น FACE-LOCK, EYE-LOCK และ FAT STEM CELL ที่คิดค้น วิจัยและพัฒนา โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์ชลธิศ ตลอดระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง สะท้อนได้จากผลการดำเนินงาน 3 ปีที่ผ่านมา โดยปี 2563-2565 บริษัท มีรายได้รวม 221.60 ล้านบาท 427.76 ล้านบาท และ 854.07 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ 37.15 ล้านบาท 112.68 ล้านบาท และ 270.27 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนผลประกอบการงวด 6 เดือนแรก ปี 2566 บริษัทมีรายได้รวม 369.05 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 105.48 ล้านบาท

สำหรับแนวโน้มการดำเนินงานในครึ่งปีหลังของปี 2566 ยังเติบโตในทิศทางที่ดีต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรก เนื่องด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น เทรนด์การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism) ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย และผู้คนในยุคปัจจุบันโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่หันมารักสวยรักงาม ใส่ใจรูปร่างหน้าตาของตัวเองกันมากขึ้ส่งผลให้ธุรกิจศัลยกรมมตกแต่งเฉพาะบนใบหน้ามีแนวโน้มการเติบโตที่ดีและยังไปได้อีกไกล สะท้อนภาพของการเป็นหุ้น Growth Stock และ Dividend Stock