STEC จับมือพันธมิตร ร่วมลงทุน Data Center มูลค่า 8 พันลบ. เริ่มรับรู้รายได้ปี 68 หวังดันพอร์ตสร้างรายได้ประจำสัดส่วน 50%ในระยะ5-10ปี

Categories : Update News, Stock Market

Public : 10/26/2023
 

STEC ส่ง STECON POWER จับมือ 2 พันธมิตร ตั้ง Data Center มูลค่าลงทุน 8 พันลบ. มุ่งสู่การปรับเปลี่ยนอนาคตแห่งดิจิทัลของกรุงเทพ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  หวังดันพอร์ตสร้างรายได้ประจำสัดส่วน 50%ในระยะ5-10ปี ส่วนปีนี้มั่นใจรายได้ 26,000-27,000 ล้านบาท ส่วนปี 67 คาด 31,000-32,000 ล้านบาท

นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC เปิดเผยว่า ได้นำบริษัทย่อย คือ บริษัท STECON POWER จำกัด ที่มี STEC ถือหุ้น 100% ดำเนินธุรกิจหลักด้านพลังงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ จัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับพันธมิตร เพื่อก่อสร้างอาคาร Data Center จำนวน 4 อาคาร มูลค่าลงทุนรวม 8,000 ล้านบาท หรืออาคารละ 1,800 ล้านบาท แบ่งเป็น 4 เฟส คือ อาคาร A B C และ D

โดยบริษัท DC POWER BN1 จำกัด มี STECON POWER ถือหุ้นในสัดส่วน 60% SITEM 20% และ MyTelehaus 20% โดยเบื้องต้นจะเริ่มก่อสร้าง เฟส C และ เฟส D ก่อน ซึ่ง STEC มีความพร้อมด้านงานวิศวกรรมและก่อสร้าง พันธมิตรทั้ง 2 องค์กรมีความพร้อมในด้านงานระบบ และการบริหารจัดการ Data Center เป็นความลงตัวที่นำจุดแข็งของทุกฝ่ายมาร่วมกันทำธุรกิจนี้

อย่างไรก็ตาม บริษัทมั่นใจว่าโครงการ Data Center จะมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยในข้อมูลสูงสุด ที่สำคัญไปมากกว่านั้น ต้องการผลักดันให้ STECON POWER ก้าวขึ้นสู่การเป็นบริษัทชั้นนำในด้าน Data Center ในอนาคตของภูมิภาคอาเซียน

นายภาคภูมิ กล่าวว่า บริษัทได้เริ่มวางแผนและคาดว่าจะก่อสร้างเฟสแรกในปี 67 โดยใช้เวลาในการดำเนินการประมาณ 18 เดือน คาดเปิดดำเนินการปี 68 รายได้ปีละ 300 ล้านบาท ต่อ 1 อาคาร ถ้าเสร็จครบ 4 อาคาร คาดรายได้ปีละ 1,200 ล้านบาท มีรูปแบบเป็นกลุ่มอาคาร Data Center ที่มีพื้นที่ใช้สอยกว่า 18,000 ตรม. รองรับ IT Load กว่า 24 MW และมีระบบที่รองรับ การใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพและมี reliability สูง

สำหรับโครงการ Data Center บนถนนบางนา-ตราด กม.4.5 กรุงเทพฯ ประเทศไทย ซึ่งเป็นพื้นที่ของ STEC ตั้งอยู่ในจุด Strategic Location ที่มี network exchange connectivity ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ซึ่ง 1 อาคารถูกออกแบบให้สามารถรองรับปริมาณ IT load ได้ถึง 6 เมกกะวัตต์ หากรวมกันทั้งหมด 4 อาคาร จะมี IT Load รวมเป็น 24 เมกกะวัตต์ ด้วยการออกแบบที่จะทำให้การใช้พลังงานมีประสิทธิภาพ โดยตั้งเป้าให้มี target PUE น้อยกว่า 1.6 และมีกำลังไฟฟ้าที่สามารถรองรับธุรกิจ Data Center ได้ ณ ปัจจุบันที่ 10 เมกกะวัตต์ พร้อมยังรองรับความสามารถในการขยายกำลังไฟฟ้าสูงสุดได้ถึง 50 เมกกะวัตต์ในอนาคตอีกด้วย

"เนื่องด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้บริษัท Sino-Thai ต้องการมองหาสิ่งใหม่ๆ เพื่อเพิ่มความหลากหลายในธุรกิจ ที่สำคัญเพื่อมาเสริมความแข็งแกร่งให้กับ บริษัท Sino-Thai"นายภาคภูมิ กล่าว

นายภาคภูมิ กล่าวต่อว่า ด้านผลการดำเนินงานของ STEC ในปี 66 บริษัทคาดรายได้จะอยู่ที่ 26,000-27,000 ล้านบาท ส่วนปี 67 จะรับรู้เป็นรายได้ประมาณ 31,000-32,000 ล้านบาท จากมูลค่างานในมือ (Backlog) ที่ 100,500 ล้านบาท รับรู้ 5-6 ปี หรือรับรู้รายได้ปีละ 30,000 ล้านบาท

"สถานการณ์ปีนี้ตั้งแต่ต้นปีมาไม่มีโครงการใหญ่เลย ขณะที่การแข่งขันก็สูงมาก โดยในปีนี้บริษัทได้งานโครงการเดียว คือสร้างบ้านผู้สูงอายุ “รามาฯ-ธนารักษ์” มูลค่า 1,188 ล้านบาท และจากนี้ไปนโยบายของบริษัทจะไม่แข่งขันด้านราคา ขณะที่ปัจจุบันมี Backlog ที่แข็งแรง ที่แสนกว่าล้านบาท แต่บริษัทจะมุ่งหาธุรกิจใหม่เพื่อกระจายรายได้ ต่อยอด สร้างรายได้ประจำแทน โดยตั้งเป้าระยะยาว 7-10 ปี รายได้ประจำแตะ 50% จากปัจจุบันรายได้จากงานก่อสร้าง 95-96% สำหรับธุรกิจอื่นที่มองหา เช่น ธุรกิจพลังงาน"นายภาคภูมิ กล่าว