วิจัยกรุงศรี เผยมาตราการรัฐกระตุ้นท่องเที่ยวแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสสุดท้าย

Categories : Update News

Public : 11/07/2023

วิจัยกรุงศรี เผยว่า ภาคท่องเที่ยวที่ได้แรงหนุนจากมาตรการภาครัฐจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสสุดท้าย

ทั้งนี้มูลค่าทางการขยายมาตรการวีซ่าฟรีเพิ่มเติมแก่นักท่องเที่ยวอินเดียและไต้หวัน เพื่อหนุนนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ได้ตามเป้า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ค.ร.ม.) อนุมัติมาตรการวีซ่าฟรีเป็นการชั่วคราวกับอีก 2 ประเทศ ได้แก่ อินเดีย และไต้หวัน โดยจะสามารถพักอยู่ในไทยได้ 30 วัน มีผลบังคับใช้ 6 เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 ถึงวันที่ 10 พฤษภาคม 2567

จากข้อมูลในช่วงตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 29 ตุลาคม มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยรวมทั้งสิ้นกว่า 22 ล้านคน โดยจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ มาเลเซีย จีน เกาหลีใต้ อินเดีย และรัสเซีย ซึ่งมีสัดส่วนราว 109%, 30%, 85%, 79%, และ 101% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดโควิด ปี 2562

สำหรับมาตรการวีซ่าฟรีล่าสุดแก่นักท่องเที่ยวอินเดีย และไต้หวัน ทางการคาดว่าจะช่วยหนุนให้ภายในสิ้นปีนี้มีจำนวนนักท่องเที่ยวจากอินเดียอยู่ที่ 1.55 ล้านคน (จาก 1.3 ล้านคน ในช่วง 10 เดือนแรกของปี) และไต้หวัน 0.7 ล้านคน (จาก 0.52 ล้านคน ในช่วง 9 เดือนแรกของปี) ประกอบกับนโยบายวีซ่าฟรีกับกลุ่มนักท่องเที่ยวจากจีน คาซัคสถาน และรัสเซียทีมีผลบังคับใช้ก่อนหน้านี้ ทางการหวังว่าจะเป็นแรงผลักดันสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมายภาพรวมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยในปี 2566 ด้วยการมีนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 28 ล้านคน (หรือคิดเป็นประมาณ 70% เมื่อเทียบกับปี 2562 หรือก่อนเกิดการระบาด) สร้างรายได้รวมประมาณ 2.3 ล้านล้านบาท

ภาคท่องเที่ยวและภาคส่งออกหนุนเศรษฐกิจเดือนกันยายนฟื้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ภาพรวมไตรมาสสามปรับดีขึ้นจากไตรมาสก่อน ธปท.รายงานเศรษฐกิจเดือนกันยายนอยู่ในทิศทางฟื้นตัว ตามรายรับในภาคการท่องเที่ยว ประกอบกับมูลค่าการส่งออกสินค้าที่กลับมาขยายตัวได้เป็นเดือนแรกในรอบ 1 ปี (+1.0% YoY) ขณะที่อุปสงค์ในประเทศชะลอลงบ้างหลังจากเร่งตัวไปในเดือนก่อน โดยการบริโภคภาคเอกชนชะลอลง (+6.3% vs +7.0% เดือนสิงหาคม) จากหมวดการใช้จ่ายสินค้าไม่คงทนและสินค้ากึ่งคงทนเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายในหมวดบริการยังคงเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในหมวดโรงแรมและภัตตาคาร ด้านการลงทุนภาคเอกชนหดตัวต่อเนื่อง (-3.6% vs -4.4%) โดยลดลงทั้งในหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ และหมวดก่อสร้าง

เศรษฐกิจเดือนกันยายนปรับดีขึ้นตามการฟื้นตัวของภาคบริการและสัญญาณการฟื้นตัวของภาคส่งออก ส่งผลให้ภาพรวมของเศรษฐกิจในไตรมาส 3/2566 คาดว่าจะเติบโตได้จากไตรมาสก่อนหน้า สำหรับแนวโน้มในช่วงไตรมาสสุดท้ายคาดว่าเศรษฐกิจยังอยู่ในทิศทางฟื้นตัวแต่อาจยังไม่กระจายในทุกภาคส่วน โดยเฉพาะการลงทุนภาคเอกชนที่ยังอ่อนแอ ขณะที่ภาคส่งออกแม้ปรับดีขึ้นแต่ยังต้องติดตามความต่อเนื่องในการฟื้นตัว ท่ามกลางความเสี่ยงจากสถานการณ์ในตะวันออกกลางจากการสู้รบระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสซึ่งอาจกระทบต่อราคาพลังงานและอุปสงค์ของประเทศคู่ค้า อย่างไรก็ตาม คาดว่าการบริโภคจะเติบโตได้ตามการจ้างงานและความเชื่อมั่นที่ปรับดีขึ้น รวมทั้งยังได้อานิสงส์ของมาตรการบรรเทาภาระค่าครองชีพจากการปรับลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ซึ่งล่าสุดขยายการปรับลดราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในกลุ่มเบนซินเพิ่มเติม จากก่อนหน้าที่มีมาตรการปรับลดราคาน้ำมันดีเซลและค่าไฟฟ้า นอกจากนี้ ในส่วนของภาคท่องเที่ยวที่ทยอยฟื้นตัวยังได้แรงสนับสนุนเพิ่มเติมจากมาตรการวีซ่าฟรีชั่วคราวแก่นักท่องเที่ยวหลายประเทศเพิ่มมากขึ้น