ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี มองหุ้น 8 บริษัทน่าลงทุน รองรับกองทุน TESG

Categories : Update News, Stock Market

Public : 11/21/2023

บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) หนุนนโยบายรัฐบาลตั้งกองทุน TESG เพื่อช่วยสนับสนุนตลาดหุ้นไทย หลังสถานการณ์ในต่างประเทศได้รับแรงกดดันหลายเรื่อง ขณะที่เชื่อว่าบลจ.จะทยอยออกกองทุนใหม่มาให้เลือกต่อเนื่อง นักลงทุนไม่ต้องรีบร้อน พร้อมแนะนำหุ้น 8 บริษัท ที่คาดได้รับแรงหนุนจากกองทุน TESG

ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจและการลงทุน สายงานวิจัย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า เป็นเรื่องดีที่รัฐบาลจะจัดตั้งกองทุน Thailand ESG Fund (TESG) ซึ่งถือเป็นนโยบายที่ช่วยสนับสนุนตลาดทุนช่วงนี้ เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์ของตลาดหุ้นทั่วโลก ได้รับแรงกดดันหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มเศรษฐกิจปี 67 ที่มีความไม่แน่นอนสูง รวมถึงบอนด์ยีลด์สหรัฐฯที่อยู่ในดับสูง กดดันให้เงินทุนไหลออกจากเอเชีย จึงควรกระตุ้นนักลงทุนในประเทศให้สนใจลงทุนมากขึ้น

“ตอนนี้ ฝั่งตลาดหุ้นโลกเจอแรงกดดันหลายเรื่อง และกดดันตลาดหุ้นไทย ถ้าบ้านเรามีกองทุน TESG ออกมา เรามองว่าถึงจะไม่ได้ช่วยให้ตลาดเป็นขาขึ้นได้ แต่ก็จะช่วยหยุด Downside ของตลาดได้” ดร.จิติพล กล่าว

นับตั้งแต่ต้นปี 2566 จนถึงขณะนี้ ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแล้ว 15.16% เทียบกับตลาดหุ้นฮ่องกง ที่ปรับลง 10.43%, ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ปรับลง 5.63% และตลาดหุ้นมาเลเซีย ปรับลง 2.65% เป็นต้น

หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนฯ บล.ซีจีเอสฯ มองว่า ในเบื้องต้นคาดว่ากองทุน TESG น่าจะได้รับการตอบรับดีจากนักลงทุน เนื่องจากสามารถลงทุนได้ทั้งหุ้นและบอนด์ นักลงทุนจึงมีทางเลือกมากขึ้น ทั้งนี้นักลงทุนไทยมักจะกลัวความเสี่ยง ส่วนใหญ่อาจไม่กล้าลงทุนในกองหุ้น ก็สามารถเลือกลงทุนผสมทั้งหุ้นและบอนด์ได้ ถือว่าช่วยลดความกังวลให้กับนักลงทุนได้ระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตามยังมีจุดอ่อนคือ จังหวะและทิศทางตลาดปีนี้มีความไม่แน่นอนสูง

ดร.จิติพล เชื่อว่า หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้จัดตั้งกองทุน TESG ได้ เชื่อว่าจะมีทั้งกองทุนเก่าและกองทุนใหม่เกิดขึ้นเนื่องจากสามารถทำเป็น share class ใหม่ได้ ทำให้กองทุนเดิมสามารถปรับมาเป็นกองทุน TESG ได้ไม่ยาก

อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนนั้น อาจไม่ต้องรีบร้อน เพราะเชื่อว่าหลังจากนี้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ต่างๆจะทยอยออกกองทุนใหม่มาให้เลือกอย่างต่อเนื่อง

ดร.จิติพล กล่าวด้วยว่า กองทุน TESG ที่เหมาะสมกับนักลงทุนจะแตกต่างกันไปตามความสามารถในการรับความเสี่ยง แต่เชื่อว่ากองทุนผสมระหว่างหุ้นและบอนด์มีความน่าสนใจ เนื่องจากตอบโจทย์ด้านรายได้ได้ดีกว่ากองทุน LTF เพราะมีบอนด์ผสม และดีกว่า กองทุน SSF ที่ไม่ต้องนับรวมกับนโยบายลดหย่อนเดิม

สำหรับหุ้นในกลุ่ม ESG ที่น่าสนใจนั้น ถ้าเลือกบริษัทที่ได้คะแนนดีของไทย มักจะเป็นบริษัทขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถซื้อสะสมได้ต่อเนื่อง โดยกลยุทธ์ที่แนะนำก็คือ ให้เลือกกระจายไปหลายกลุ่มธุรกิจ โดยเลือกหุ้นใหญ่ที่เป็นผู้นำในกลุ่มธุรกิจต่างๆ และมี ESG ดีผสมกัน เช่น หุ้นของ KBANK, PTT, WHA, ADVANC, CRCซึ่งได้ได้คะแนน AAA

นอจากนี้ นักลงทุนยังสามารถเลือกบริษัทที่ได้คะแนนระดับกลาง เช่น BBB ขึ้นไปได้อีก กลยุทธ์นี้จะได้บริษัทขนาดกลางและเล็กเข้ามาด้วย เช่น หุ้นของ SEPPE, SAWAD, และ KKP มองว่ายังว่ามี Upside มากกว่า และมีโอกาสรับปันผลสูง แต่ต้องติดตามให้ดีว่าบริษัทในกลุ่มนี้ จะสามารถรักษาระดับ ESG ไว้ได้ต่อเนื่องได้หรือไม่ แต่หากไม่มั่นใจ ก็แนะนำลงทุนผ่านกองทุน TESG จะสะดวกกว่า