บลจ.อเบอร์ดีน ออกกองทุน ABGFIX เน้นลงทุนตราสารหนี้ทั่วโลก มองโอกาสเพิ่มผลตอบแทน บนความผันผวนที่ต่ำกว่า

Categories : Update News, Wealth

Public : 11/24/2023

นายพงค์ธาริน ทรัพยานนท์ Head of Fixed Income and Asset Allocation บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า อเบอร์ดีนกำลังเสนอขายกองทุนเปิด อเบอร์ดีน โกลบอล เอนแฮนซ์ ฟิกซ์ อินคัม ฟันด์ (ABGFIX) โดยจะลงทุนผ่านกองทุน abrdn SICAV I – Short Dated Enhanced Income Fund, Class Z Acc USD ซึ่งเป็นกองทุนหลักที่มีนโยบายการลงทุนอย่างน้อย 70% ในตราสารหนี้คุณภาพสูงทั่วโลกทั้งภาครัฐและเอกชนด้วยความเสี่ยงกองทุนอยู่ที่ระดับ 4

 

กองทุนหลักจะกระจายการลงทุนทั่วโลกครอบคลุมตลาดในประเทศที่พัฒนาแล้วและตลาดเกิดใหม่ในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยตั้งเป้าหมายอายุเฉลี่ยของตราสารหนี้ของพอร์ตน้อยกว่า 2 ปี ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยในอนาคต อีกทั้งอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ในพอร์ตลงทุนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า A- โดยกองทุนหลักตั้งเป้าผลตอบแทน SOFR หรืออัตราดอกเบี้ยการกู้ยืมระยะข้ามคืน +1.75-2.25% ซึ่ง ณ สิ้นเดือนตุลาคม SOFR อยู่ที่ 5.35% อย่างไรก็ดี เป้าหมายดังกล่าวมิใช่การรับประกันผลตอบแทนจากการลงทุน

   

สำหรับการเพิ่มผลตอบแทนส่วนหนึ่งมาจากการลงทุนในไฮยิลด์บอนด์ 13.5% จากเพดานการลงทุนของกองทุนที่ 20% โดยกองทุนนี้สามารถให้ผลตอบแทนที่ดี จากพอร์ตการลงทุนที่หลากหลายประกอบกับการลงทุนในอายุตราสารหนี้ที่เหมาะสม ซึ่งหากดู ณ ปัจจุบันอัตราผลตอบแทนเมื่อถือจนครบกำหนดอายุ (Yield to Maturity) ของกองทุนหลักอยู่ที่ประมาณ 6.3% และมีอายุเฉลี่ย ตราสารหนี้ของพอร์ตประมาณ 1.3 ปี โดยค่าเฉลี่ยของอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้อยู่ที่ A/A- (ที่มา: abrdn, ณ กันยายน 2566)

 

“เรามองว่าปัจจุบันเป็นโอกาสและจังหวะที่เหมาะสมในการลงทุนกองทุนตราสารหนี้คุณภาพสูงทั่วโลก เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในสภาวะแวดล้อมที่ดอกเบี้ยใกล้จุดสูงสุดของวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น ที่ผ่านมาดอกเบี้ยสหรัฐปรับขึ้นไปสู่ระดับสูงที่ 5.25-5.50% และถือเป็นอัตราสูงสุดในรอบ 20 ปี โดยหากมองไปข้างหน้าเราคาดการณ์ว่าดอกเบี้ยของสหรัฐฯ น่าจะเข้าใกล้ระดับสูงสุดแล้ว และมีแนวโน้มจะปรับลดลงในปีหน้า โดย House View ของอเบอร์ดีนเราคาดการณ์ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปี 2024 ประมาณ 2 ครั้ง”

 

นายพงค์ธาริน กล่าวเพิ่มเติมว่า กองทุนหลักมีสภาพคล่องสูง เนื่องจากมีการถือเงินสด หรือตั๋วเงินคลัง (Treasury Bill) ประมาณ 10% และมีการลงทุนในตราสารหนี้ที่อายุต่ำกว่า 1 ปีขั้นต่ำอยู่ประมาณ 15% และมีการลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศพัฒนาแล้วเป็นหลัก ทำให้กองทุน ABGFIX มีสภาพคล่องสูง ผู้ลงทุนสามารถรับเงินขายคืนได้ภายใน 2 วันทำการ ทำให้การซื้อ-ขาย ง่ายและมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้แนะนำให้นักลงทุนเลือกลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุเฉลี่ยเพิ่มขึ้น จากเดิมที่เคยลงทุนในกองทุนรวมตลาดเงิน มาลงทุนอย่างน้อยในตราสารหนี้ที่มีอายุเฉลี่ย 1-2 ปี เพื่อโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดี ในช่วงที่ดอกเบี้ยใกล้จุดสูงสุด อีกทั้งด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ เกิดความผิดปกติ (inverted yield curve) ซึ่งเกิดจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุสั้นสูงกว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุยาว ดังนั้นเราจึงมองว่าตราสารหนี้ที่มีอายุประมาณ 1-3 ปี มีความน่าสนใจมากกว่าตราสารหนี้ระยะยาว นอกจากนี้เรายังแนะนำการลงทุนในตราสารหนี้ในระดับที่สามารถลงทุนได้มากกกว่าไฮยิลด์บอนด์ เนื่องจากยังมีความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีหน้า ทำให้การลงทุนในไฮยิลด์บอนด์อาจให้อัตราผลตอบแทนเทียบกับความเสี่ยงไม่จูงใจเพียงพอ

 

กองทุน ABGFIX เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่สามารถลงทุนได้อย่างน้อย 1 ปี ต้องการกระจายความเสี่ยงด้วยการลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพทั่วโลก รับความเสี่ยงได้ค่อนข้างต่ำ คาดหวังผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในตลาดเงิน และกองทุนตราสารหนี้ในประเทศ โดยเสนอขาย ABGFIX-A ชนิดสะสมมูลค่าวันที่ 20-30 พฤศจิกายนนี้ ลงทุนขั้นต่ำเริ่มต้น 1,000 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวน โทร 02-352-3388 หรือ อีเมล client.services.th@abrdn.com

 

ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต/ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต การลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนอาจทำให้ได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรก กองทุนนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจผู้จัดการกองทุน ปัจจุบันกองทุนไม่มีการป้องกันความเสี่ยง