“ทรีนีตี้” คัด 7 หุ้นเด่นใน SETESG – SETHDน่าลงทุนช่วงไตรมาสแรกปีมังกร

Categories : Update News, Stock Market

Public : 01/02/2024

“ทรีนีตี้” มองหุ้นเปิดปีมังกร Sideways ให้ระดับดัชนเหมาะสมกรณีฐาน 1410 จุด ส่วนกรณีดีสุดที่ 1515 จุด เชื่อเฟด           และธปท.ยังไม่ลดดอกเบี้ยในไตรมาสแรก พร้อมคัด 7 หุ้นที่อยู่ในSETESG - SETHD และมักปรับตัวเป็นบวก                      ในช่วง 4 เดือนแรกของปี

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์  บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด                 เปิดเผยถึงทิศทางตลาดหุ้นไทยช่วงไตรมาสแรกปี 2567 หรือปีมังกรว่า ดัชนี SET มีแนวโน้มแกว่งตัว Sideways ออกด้านข้าง จากะดับดัชนีกรณีฐานที่ 1410 จุด อิง Forward PE ที่ 12.5 เท่า ณะที่สภาพคล่องภายในยังไม่น่าจะไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยมากนัก หลังจากเงินส่วนใหญ่ยังคงกองอยู่ในบัญชีเงินฝากสกุลเงินต่างประเทศ (FCD) ซึ่งยังไม่น่าจะมีท่าทีไหลออก จากการที่ Fed ยังไม่น่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยในช่วง 3 เดือนแรกของปี่งผลใหส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่าสหรัฐฯกับทยน่าจะยังคงยืนกว้างอยู่เหมือนเดิม

หุ้นไทยและหุ้นโลกในช่วงไตรมาสจะถูกรบกวนจากสิ่งรบกวนรอบข้าง (Noise) ในระดับต่ำ คล้ายๆกับช่วงครึ่งหลังของไตรมาส 4 ปี 2023 แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าตลาดหุ้นทุกแห่งจะปรับตัว Sideways เหมือนกันทั้งหมด                จะขึ้นอยู่กับ Performance ของตลาดหุ้นแต่ละแห่งจะแตกต่างกันไปบ้าง ตามแนวโน้มพื้นฐานกำไรของแต่ละประเทศเป็นสำคัญนายณัฐชาต กล่าว

นายณัฐชาต กล่าวว่า สำหรับกลยุทธ์การลงทุนประจำไตรมาสที่ 1 ปีมังกรนั้น หุ้นกลุ่ม SETESG และSETHD น่าจะเป็นกลุ่มที่เม็ดเงินไหลเข้า โดยจากการศึกษาทางสถิติในอดีต พบรายชื่อหุ้นที่อยู่ในทั้ง 2 ดัชนีที่มีความเชื่อมั่น               ทางสถิติสูงเกินกว่า 70% ขึ้นไป ว่าจะส่งมอบผลตอบแทนที่เป็นบวกได้ในช่วง 4 เดือนแรกของปี จะได้รายชื่อหุ้น                   ที่ผ่านเกณฑ์ทั้งหมดดังกล่าวอยู่ 7 บริษัทด้วยกันได้แก่ ADVANC, AP, BCH, INTUCH, PTT, SIRI, TISCO                           ทรีนีตี้จึงแนะนำหุ้น 7 ตัวนี้เป็น Best picks ประจำไตรมาสที่ 1 และแนะนำให้นักลงทุนจัดสรรการลงทุนกระจายไปยังหุ้นทั้ง 7 ตัวนี้                                                                                                                              

ในส่วนของประเทศไทยที่ถูกปรับลดประมาณการลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา จนทำให้เป็นตลาดหุ้นหนึ่งที่ปรับตัวแย่ที่สุดของโลก หากในช่วงต้นปีนี้เศรษฐกิจมีแรงส่งจากมาตรการกระตุ้นการบริโภค (Easy E-Receipt) การต่ออายุมาตรการลดค่าครองชีพ รวมถึงการอนุมัติงบประมาณฉบับใหม่ คาดว่าจะเริ่มเห็นแนวโน้มการปรับประมาณการกำไรขึ้นของกลุ่มที่อิงกับภาคอุปสงค์ภายในประเทศได้ เมื่อมาประกอบกับแนวโน้มกำไรของกลุ่ม Global cyclical อย่างพลังงานและปิโตรเคมี ที่น่าจะทรงตัวได้จากภาวะเศรษฐกิจลกที่ยังไม่น่าจะมีความเสี่ยงหดตัวแรง ทำให้พอเชื่อได้ว่าแนวโน้มกำไรตลาดหุ้นไทยในไตรมาสแรก น่าจะเห็นการทยอยปรับเพิ่มประมาณการขึ้นจากช่วงไตรมาส 4 ปี 2566 ได้บ้าง

ส่วนแนวโน้มในไตรมาส 2 การเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ต่างๆ จะขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยหลัก กล่าวคือความกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลกถดถอยและท่าทีของFed เรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ว่าจะช้าเร็วขนาดไหน โดยหาก Fed มีการลดดอกเบี้ยเร็วก่อนที่เศรษฐกิจโลกจะมีสัญญาณความเสี่ยงถดถอย มีโอกาสที่ SET Index จะปรับตัวขึ้นทดสอบกรณีดีสุดที่ระดับ 1515 จุด อิง Forward PE ที่ 13.4 เท่า