ตลท.จ่อใช้เกณฑ์ขึ้นCใหม่!แฉละเอียดหุ้นมีปัญหา-ขยายเวลาเทรดครึ่งชั่งโมงครึ่งแรกปีนี้!

Categories : Update News

Public : 01/11/2024

ตลท.จ่อใช้เกณฑ์ขึ้นเครื่องหมาย”C“บ่งบอกสถานะหุ้นมีประเด็นและเพิ่มเวลาเทรดหุ้นอีก30นาที ครึ่งแรกปีนี้!! มองตลาดหุ้นปี67ดีขึ้นหลังสหรัฐซอฟแลนด์ดิ้ง -จ่อลดดอกเบี้ยแน่ เห็นเงินกลับทิศไหลเข้าแล้ว ขณะที่ เศรษฐกิจไทย แกร่งขึ้น จีดีพีโตสวนประเทศอื่นๆ

นายรองรักษ์ พนาปวุฒิกุล รองผู้จัดการหัวหน้าสายงานกฎหมาย และหัวหน้ากลุ่มงานเลขานุการองค์กรและกำกับองค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเปิดเผยความคืบหน้าในการดำเนินการด้านต่างๆเพื่อเรียกความเชื่อมั่นว่า มีความคืบหน้าต่อเนื่องล่าสุดได้จ้างบริษัทต่างประเทศเพื่อตรวจสอบในเรื่องโปรแกรมซื้อขายหุ้น  ซึ่งจะเห็นความชัดเจนและคืบหน้ามากขึ้นหลังเข้ามาทำงานร่วมกัน

ส่วนการเพิ่มรายละเอียดในการขึ้นเครื่องหมายC จากเดิมที่ขึ้นCรวมๆอย่างเดียวในหุ้นที่มีประเด็น ก็จะลงลึกไปในรายละเอียดว่าหุ้นนั้นๆมีประเด็นและมีปัญหาอย่างไร เช่น เครื่องหมาย CB กับหุ้นX ก็จะบอกให้นักลงทุนรู้ว่า หุ้นX กำลังมีปัญหาในการทำธุรกิจ  CS หุ้นมีปัญหาเรื่องงบการเงินเป็นต้น

สำหรับความคืบหน้าในการขยายเวลาซื้อขายหุ้น หลังเปิดรับฟังความเห็น ได้ข้อสรุปว่า จะขยายเวลาเทรดเพิ่มขึ้น30นาทีในช่วงการซื้อขายบ่าย จากเดิมช่วงบ่ายเปิดเทรดเวลา 14.30 น เปลี่ยนเป็นเปิด 14.00 น ซึ่งจะทำให้ตลอดทั้งวันหุ้นไทยเปิดให้ซื้อขาย5ชั่วโมง นับว่าใกล้เคียงกับตลาดหุ้นอื่นๆที่เฉลี่ยมีเวลาซื้อขาย 5-6 ชั่วโมง ซึ่งหลังจากนี้ก็จะนำเสนอ ก.ล.ต คาดว่าจะใช้ได้ประมาณไตรมาส2 นี้

” การเพิ่มมาตรการดับความร้อนแรงของหุ้นร้อนยังไม่มีเพราะมาตรการที่ใช้อยู่3ระดับสามารถรองรับได้ เห็นชัดยังไม่มีหุ้นร้อนใช้ SP เลยซึ่งถือเป็นมาตรการขั้นแรงสุด จาก ซื้อขายด้วยกานวางเงินสดก่อนเป็นระดับแรกและห้ามหักกลบลบหนี้เป็นระดับที่2 “

นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในปี 2567 มีโอกาสที่เงินลงทุนเคลื่อนย้ายมาตลาดหุ้นในภูมิภาค ASEAN โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทยค่อนข้างมาก สังเกตจากเงินบาทที่มีแนวโน้มกลับมาแข็งค่าในระยะปานกลางประกอบกับประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2567 จะขยายตัวได้สูงกว่าคาด ตามการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว การส่งออก และการบริโภคภายในประเทศ

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ปรับคาดการณ์อัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS Growth) และ Forward P/E ในปี 2567 ของ SET ไปยังจุดที่มีความน่าสนใจในการลงทุนมากขึ้นกว่าปีก่อนหน้า ขณะที่มีหลายกลุ่มอุตสาหกรรมใน SET ที่มีคาดการณ์ EPS Growth สูงแต่มี valuation ที่ยังอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต

“เดือนธ.คที่ผ่านมาเห็นสัญญาณการไหลกลับของเม็ดเงินชัดเจน หลังธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ส่งสัญญาณ ลดดอกเบี้ยและเศรษฐกิจสหรัฐจะซอฟแลนด์ดิ้ง ส่งผลให้นักลงทุนคลายความกังวล ขณะที่เศรษฐกิจไทยดีขึ้น ธนาคารโลกคาดจีดีพีไทยโตดีขึ้นจากปีก่อนซึ่งจะหนุนเงินไหลกลับเข้ามา “

 

สำหรับปี2566 ทั้งปีผันผวนและท้าทาย และ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2566 SET Index ปิดที่ 1,415.85จุด ปรับเพิ่มขึ้น 2.6% จากเดือนก่อนหน้า โดยปรับลดลง 15.2% เมื่อเทียบกับสิ้นปีก่อนหน้า

ในเดือนธันวาคม 2566 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 39,980 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า 28.8% โดยมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในปี 2566 อยู่ที่ 53,331 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี  ผู้ลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิเป็นเดือนแรก ใยเดือน ธค  70 ล้านบาท ทำให้ในปี2566 ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวม 192,083 ล้านบาท โดย      
Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2566 อยู่ที่ระดับ 16.7 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 13.4เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 19.4 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ15.0 เท่า
อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2566อยู่ที่ระดับ 3.21% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 3.28%