กรุงไทยปลื้ม S&P Global คัดเลือกเป็นหนึ่งในทำเนียบ The Sustainability Yearbook 2024

Categories : Update News, Finance, ESG News

Public : 02/21/2024
 

ธนาคารกรุงไทย ได้รับคัดเลือกจาก S&P Global ให้อยู่ในทำเนียบธุรกิจที่มีความยั่งยืน The Sustainability Yearbook 2024 กลุ่มธนาคาร ตอกย้ำความสำเร็จในการเดินหน้าธุรกิจ ควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อม สังคม และ ธรรมาภิบาล สะท้อนวิสัยทัศน์ เคียงข้างไทย สู่ความยั่งยืน

ธนาคารกรุงไทย ได้รับการคัดเลือกให้อยู่ในธุรกิจที่มีความยั่งยืน (The Sustainability Yearbook 2024) ซึ่งเป็นผลจากการเข้าร่วมประเมินความยั่งยืนในระดับสากล โดย S&P Global ผู้ให้บริการข้อมูลด้านการเงินและการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลก ซึ่งในปี 2566 มีบริษัทที่เข้าร่วมประเมินกว่า 9,400 บริษัท จาก 62 อุตสาหกรรม ทั่วโลก โดยบริษัทที่ได้รับการคัดเลือก ต้องมีผลคะแนนอยู่ในกลุ่ม 15% แรกจากทุกบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรม รวมถึงได้รับคะแนนการประเมินบริษัทที่มีความยั่งยืน หรือ Corporate Sustainability Assessment (CSA) สูงกว่า 30 คะแนน และผลการดำเนินงานของบริษัท ต้องอยู่ใน 30% แรกจากทุกบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมนั้น

 

การได้รับคัดเลือกครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งก้าวของความสำเร็จ ในการเดินหน้าสู่ความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรมของธนาคารกรุงไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในสถาบันการเงินของประเทศไทย ที่มีผลการดำเนินธุรกิจด้วยความยั่งยืนได้มาตรฐานระดับสากล ซึ่งหากพิจารณาคะแนนในแต่ละด้าน ทั้งสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล พบว่า ธนาคารกรุงไทย มีคะแนนเกินกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งอุตสาหกรรมในทุกด้าน สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) อย่างต่อเนื่อง โดยสอดคล้องกับเกณฑ์การประเมินดัชนีชี้วัดความยั่งยืนในระดับสากลของ DJSI (Dow Jones Sustainability Indices)

ธนาคารกรุงไทย ยังคงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี มีความโปร่งใส และเป็นธรรมต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน ผ่านการคิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการอย่างไม่หยุดนิ่ง เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม โดยเฉพาะการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีมาปรับใช้ เพื่อลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างการเข้าถึงบริการต่าง ๆ อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ควบคู่ไปกับการลงพื้นที่ให้ความรู้ด้านการเงินกับชุมชนในด้านการออม การลงทุน และสร้างวินัยทางการเงิน (Financial Literacy) ซึ่งจะเป็นภูมิคุ้มกันที่สามารถสร้างความมั่นคงให้กับการดำเนินชีวิต พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน ให้กลายเป็นสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม สร้างคน สร้างงาน เพิ่มพูนรายได้ให้สามารถดูแลตนเองได้อย่างยั่งยืน