PTG เสิร์ฟงบปี 66 โกยกำไร 966 ลบ. โชว์ยอดขายน้ำมันทุบสถิติสูงสุดใหม่ 5,960 ล้านลิตร บอร์ดใจสปอร์ต! สั่งจ่ายปันผลทันที 0.35 บ./หุ้น

Categories : Update News, Stock Market

Public : 02/23/2024

 

บมจ. พีทีจีเอ็นเนอยี ( PTG) ท็อปฟอร์ม โชว์กำไรสุทธิปี 2566 พุ่งแตะ 966 ล้านบาท ส่วนปริมาณการขายน้ำมันผ่านทุกช่องทางโต 12.1% YoYเป็น 5,960 ล้านลิตร นับเป็นสถิติที่สูงที่สุดได้อีกครั้งนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ และเป็นครั้งแรกของบริษัทฯ ที่สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดน้ำมันผ่านช่องทางสถานีบริการได้กว่า 20% ขณะที่ยอดขาย๊า LPG ยังคงสร้งสถิติสูงที่สุดอย่างต่อเนื่อง ที่จนวน 634้านลิตร  ด้านบอร์ดแจกข่าวดีอนุมัติจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้น อัตราหุ้นละ 0.35 บาท กำหนดจ่ายวันที่ 17 พฤษภาคมนี้ ฟากซีอีโอ “พิทักษ์ รัชกิจประการ” เดินหน้าสร้างระบบนิเวศเชื่อมบริการแบบครบวงจร เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง พร้อมประเมินแนวโน้มธุรกิจปีนี้ยังสดใสจากธุรกิจ Non-Oil ก๊าซ LPG และกาแฟพันธุ์ไทยเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ จากยอดสมาชิกบัตร PT Max Card และ PT Max Card Plus เพิ่มขึ้น พร้อมตั้งเป้ายอดขายน้ำมันปีนี้โต 10-12%

นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท พีทีจีเอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2566 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2566 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน  966 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.3% YoY และมีกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานอยู่ที่ 0.57 บาทต่อหุ้น  ซึ่งการเติบโตดังกล่าวมาจากรายได้รวมที่เพิ่มขึ้น 19,389 ล้านบาท หรือ 10.8% YoY เป็น 198,811ล้านบาท โดยมีปัจจัยหลักมาจากธุรกิจ Oil ที่มีรายได้เพิ่มขึ้น 8.9% YoY เป็น 185,123 ล้านบาท  การเพิ่มขึ้นดังกล่าวเป็นผลมาจากปริมาณการจำหน่ายน้ำมันของปี 2566 ผ่านทุกช่องทางเติบโต 12.1% YoY เป็น 5,960 ล้านลิตร นับเป็นสถิติที่สูงที่สุดได้อีกครั้งนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ รวมถึงเป็นครั้งแรกของบริษัทฯ ที่สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดน้ำมันผ่านช่องทางสถานีบริการได้กว่า 20%

ในส่วนของธุรกิจ  Non-Oil มีรยได้เติบโต 44.4% YoY เป็น 13,688้านบาท โดยการเติบโตหลัก ๆ มาจากธุรกิจก๊าซ LPG ที่มีรายได้จำนวน 8,350้านบาท เติบโต 46.3% YoY โดยมีปัจจัยหลักมาจา1) มีปริมณการจัดจำหน่าย๊าซ LPG ที่ยังคงสร้งสถิติสูงที่สุดอย่างต่อเนื่อง ที่จนวน 634้านลิตร เพิ่มขึ้น 27.7% YoY และ 2) าคาายเฉลี่ยที่ 13.15ทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 14.6% YoY สำหรับธุรกิจกแฟพันธุ์ไทยมีรายได้เพิ่มขึ้น 54.1% YoY จากการขยยสอย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นเดือนธันวคม 2566 บริษัทฯ มีจนวนสแฟพันธุ์ไทยอยู่ที่ 882าขา เพิ่มขึ้น 371กสิ้นปีที่แล้ว ประกอบกับรเติบโตของสาเดิม (Same-Store-Sales) กกรกลับเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่องของกลุ่มลูกค้าผู้ถือบัตร PT Max Card  และ PT Max Card Plus

ขณะที่ไรขั้นต้นของบริษัทฯ ปี 2566 มีจนวน 12,922 ล้บาท เติบโต 7.6% YoY โดยกำรเติบโตมากจากธุรกิจ Non-Oil ที่เพิ่มขึ้น 23.4% YoY หรือ 520 ล้าบาท เป็น 2,742 ล้านบาท ในส่วนของธุรกิจ Oil มีกไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 4.0% YoY หรือ 394 ล้านบาท เป็น 10,180 ล้านบาทกการเติบโตของปริมการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทาง แต่หักลบกับกำไรขั้นต้นต่อลิตรที่ลดลงเล็กน้อย ซึ่งเป็นผลมาจากการบริหารจัดกรกองทุนน้ำมันที่ไม่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นในบางช่วงเวลของไตรมส 2/2566 จึงทำให้กำไรขั้นต้นต่อลิตรในไตรมาสดังกล่าวลดลง และนโยบายของรัฐบลชุดใหม่ที่มีการปรับราคาค้าปลีกน้ำมันกลุ่มดีเซลลง 2.00 บาทต่อลิตรที่มีผลเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2566 จนถึง 31ธันวาคม 2567 แต่อย่างไรก็ตามสัดส่วนกำไรขั้นต้นในธุรกิจ Oil ยังคงมีสัดส่วนกำไรขั้นต้นมากที่สุดที่  78.8%

่างไรก็ดี บริษัทฯ มีการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจกเงินลงทุนเป็นจำนวน 33้านบาท ซึ่งดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เนื่องจกมีกรรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนของบริษัทร่วมค้าที่ลดลงจกกรบริหรจัดการสต็อคที่ดีขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของราคาน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ระหว่างปี จึงส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จำนวน 5,694ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.3% YoY

จากผลการดำเนินงานงวดปี 2566 ที่ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผล สำหรับงวดปี 2566 ให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.35 บาท รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้นไม่เกิน 584.5ล้านบาท และกำหนดวันจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 17 พฤษภาคม 2567 โดยการใช้สิทธิดังกล่าวต้องรอการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 26 เมษายน 2567

นายพิทักษ์ กล่าวต่อว่า ในปี 2567 บริษัทฯ ประมาณการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันไว้ที่ 10-12% กปัจจัยหนุนจกเศรษฐกิจไทยในภพรวม โดยเฉพาะกรขยยตัวจกกรบริโภคภคเอกชน รวมถึงภคการท่องเที่ยวที่เติบโตต่อเนื่อง เห็นได้จากการาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2567 ที่จำนวน 35 ล้านคน จากมาตรการยกเว้นวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยว และการขยยระยะเวลในการพำนักสำรหับฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยว รวมถึงปัจจัยภายในของบริษัทฯ เอง ที่มีกรยกระดับกรให้บริการเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามมากยิ่งขึ้น รวมถึงการเข้ามาใช้บริการซ้ำของลูกค้ากลุ่มผู้ถือบัตร PT Max Card และ Max Card Plus

นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ ยังคงงเป้ารขยยสถนีบริการในปี 2567 ไว้ที่จนวน 2,251 สถานีบริการรวมถึงมีการปรับปรุงสถานีบริกการให้มีควมทันสมัย และตอบโจทย์ควมต้องกรของลูกค้าให้สามารถเข้าถึงความ อยู่ดี มีสุขยใต้ระบบนิเวศของบริษัทฯ ได้อีกด้วย

สำหรับธุรกิจ Non-Oil ในปี 2567 ยังคงวางเป้าเติบโตอย่างต่อเนื่อที่ระดับ 40-50%  โดยวางป้าหมยกรเติบโตของปริมณการจำหน่ายก๊LPG ในปีนี้ ไว้ที่ 30-40% YoY ซึ่งรเติบโตมาจาก 1) กลุ่ม Auto LPG ด้วยการยกระดับประสบกรณ์ให้แก่ลูกค้าด้วยงานบริการ ส่งเสริมยอดขาย และครองส่วนแบ่งการตลาด อันดับ 1ด้วยโครงการTaxi Transform” และ “Auto Transform” รวมถึงกรใช้กลยุทธ์ทำงานดานการตลาดผ่านระบบสมาชิก บัตร PT Max Card เพื่อรักษและขยายฐานลูกค้า 2) กลุ่มก๊าซครัวเรือนและอุตสหกรรมด้วยกมุ่งรักษนลูกค้หลักเดิม และหาฐานลูกค้ใหม่ รวมถึงการนำเสนอโปรโมชั่นการขาย และกรรับรู้แบรนด์ PT แก่ลูกคและ 3) เน้นกรขยยจำนวนสถานีบริการ Auto LPG และ Gas Shop เป็น 788 สาขากเดิมที่มีอยู่ 573 สาขาในปี 2566

ส่วนธุรกิจร้านกาแฟพันธุ์ไทย บริษัทฯ ยังคงเน้นการขยายาขาอยางต่อเนื่องในปีนี้ โดยวงเป้าขยายในปีนี้ที่ 400 าขา และเน้นการขยายในพื้นที่ที่มีศักยภพมกขึ้น อาทิ 1) ย่านใจกลงเมือง ย่านธุรกิจที่มีกำลังซื้อสูง (CBD: Central Business District) 2) หัวเมืองตามจังหวัดต่าง ๆ 3) ศูนย์การ้าหรือห้างสรรพสินค้4) สถานที่รชการ 5) โรงพยล และ 6)มหวิทยลัย นอกจกนี้อีกหนึ่งกรเติบโตของรายได้มากรเติบโตของยอดขยของสเดิม จากการนำเสนอสินคาและบริหการใหม่ ๆ เพื่อดึงดูดลูกค้ารวมถึงกการเข้ามาใช้บริการซ้ำของกลุ่มลูกค้าเดิม และลูกค้ำกลุ่มผู้ถือบัตร PT Max Card และ PT Max Card Plus

ขณะที่ธุรกิจอื่น ๆ ภายใต้ธุรกิจ Non-Oil บริษัทฯ ยังคงวงแผนขยยสาขาและ Touchpoints อย่างต่อเนื่อง โดยมองว่าในปี 2567 บริษัทวางเป้าจำนวนสาขาธุรกิจ Non-Oil อื่น ๆ เป็นจำนวน 961 Touchpoints เพิ่มขึ้น 329Touchpoints โดยมีการขยยจำนวนหลัก ๆ มาจากสถนีอัดประจุไฟฟ้Elex PT เพื่อรองรับกรเติบโตของยนยนต์ไฟฟ้าในอนาคต ศูนย์บริกรและซ่อมบรุงรถยนต์ Autobacs และสาร้านสะดวกซื้อ Max Mart เป็นต้น

“ครั้งนี้ถือเป็นอีกวาระที่ผลประกอบการของ PTG ได้สร้างความประทับใจให้กับผู้ถือหุ้น ซึ่งเป็นผลมาจากความตั้งใจ และความมุ่งมั่นของทีมงานบริษัทฯ ทุกคน เพื่อร่วมผลักดันให้องค์กรประกอบธุรกิจได้ตามแผน บริษัทฯ เชื่อว่าในปี 2567 ภาพรวมของกลุ่ม PTG ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทฯ จะเดินหน้าในการเสริมสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจให้แข็งแรง โดยการร่วมเป็นพันธมิตรกับผู้ค้ารายต่าง ๆ เพื่อให้บริษัทฯ สามารถมอบสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้า ได้อย่างครอบคลุม และสามารถใช้ชีวิตภายใต้ระบบนิเวศของบริษัทฯ ได้อย่าง อยู่ดี มีสุข เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมีศักยภาพและมีความมั่นคงตลอดไป” นายพิทักษ์ กล่าว