CGSI คาดไตรมาสแรกนี้ กลุ่มแบงก์จะทำกำไรสุทธิราว 4.98 หมื่นล้านบาท

Categories : Update News, Stock Market

Public : 04/04/2024

CGSI คาดไตรมาสแรกนี้ กลุ่มแบงก์จะทำกำไรสุทธิราว 4.98 หมื่นล้านบาท

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล(ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ โดยคาดว่าธนาคารพาณิชย์ไทย 7 แห่งที่ทำการศึกษาจะทำกำไรสุทธิรวม 4.98 หมื่นล้านบาท (-1% yoy, +17% qoq) ในไตรมาส 1/67

โดยเชื่อว่ากำไรจะลดลง yoy เนื่องจากอัตราการสำรองหนี้สูญสูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ส่วนหนึ่งจะชดเชยด้วยส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่กำไรจะเติบโต qoqเพราะค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้นตามฤดูกาลใน ไตรมาส 4 จึงน่าจะทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ลดลงจาก 49% ในไตรมาส 4/66 เป็น 45.7% ในไตรมาส 1/67

นอกจากนี้ คาดว่ากลุ่มธนาคารจะมีอัตราส่วน NPL อยู่ที่ประมาณ 3.61% ในไตรมาส 1/67 หรือเพิ่มขึ้นจาก 3.59% ในไตรมาส 4/66แต่ยังต่ำกว่า 3.68% ในไตรมาส 1/66 และสถิติสูงสุดช่วงสามปีที่ผ่านมาที่ 4.2% ในไตรมาส 3/64 (จากการระบาดของโควิด-19)

ฝ่ายวิเคราะห์ คาดว่ากลุ่มธนาคารไทยจะมียอดสินเชื่อรวมเติบโต 0.5% yoy แต่ลดลง 0.1% qoq ในไตรมาส 1/67 โดยธนาคารน่าจะยังมีการอนุมัติสินเชื่อให้กับลูกค้า SME แบบ selective เพราะมองว่า SME น่าจะมีต้นทุนการผลิตสูงขึ้น แต่การฟื้นตัวของยอดขายยังไม่แน่นอน

ในไตรมาสแรกนี้ ยังพบว่าธนาคารเพิ่มความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อใหม่ให้กับลูกค้ารายย่อยในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในขาขึ้น ส่วนความต้องการสินเชื่อธุรกิจน่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในไตรมาส 1/67 ขณะเดียวกันคาดว่า NIM จะเพิ่มขึ้น 40bp yoy แต่ลดลง 3bp qoq เป็น 3.63% ในไตรมาสแรกนี้ เนื่องจากเชื่อว่าอัตราผลตอบแทนจากสินเชื่อ (หลังอัตราดอกเบี้ยนโยบายแตะจุดสูงสุดที่ 2.5% ในเดือนพ.ย. 66) จะเปลี่ยนแปลงน้อยกว่าต้นทุนดอกเบี้ย ซึ่งปรับตามอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ

[caption id="attachment_49110" align="alignnone" width="640"] Screenshot[/caption]

ฝ่ายวิเคราะห์ คาดว่าธนาคารไทยจะมีอัตราการสำรองหนี้สูญอยู่ที่ 156bp ในไตรมาส 1/67 (+8bp yoy, -23bp qoq) โดยเชื่อว่าอัตราการสำรองหนี้สูญที่ลดลง qoq มาจาก KBANK และ KTB เป็นหลักเนื่องจากธนาคารทั้งสองแห่งบันทึกอัตราการสำรองหนี้สูญสูงถึง c.200-220bp ในไตรมาส 4/66 จากการเคลียร์งบดุลเชิงรุก

อย่างไรก็ตาม มองว่าการที่อัตราการสำรองหนี้สูญโดยรวมของธนาคารไทยอยู่ที่ระดับ 160bp แสดงให้เห็นว่าธนาคารมีความระมัดระวังเรื่องคุณภาพสินทรัพย์ แม้จะมีอัตราการตั้งสำรองต่อหนี้ NPL สูงถึง 190% ในไตรมาสแรกนี้ ทั้งนี้อัตราการสำรองหนี้สูญในไตรมาส 4/66 ของ KTB และ KBANK สะท้อนความกังวลเกี่ยวกับลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่รายหนึ่งและบริษัทที่ เกี่ยวข้อง ซึ่งธนาคารกำลังจับตาดูคุณภาพเครดิตที่อาจลดลง

ยังแนะนำให้เพิ่มน้ำหนักลงทุน (Overweight) ในกลุ่มธนาคารไทยเพราะมองว่ากลุ่มนี้จะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศ (จากการท่องเที่ยวและการบริโภคภายในประเทศ) และคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้นในปี 67 ขณะที่ยังคงเลือก BBL และ SCB เป็นหุ้น Top pick เนื่องจากมีการประเมินมูลค่าน่าสนใจและกำไรสุทธิมีแนวโน้มเติบโตสม่ำเสมอ (c.8% yoy ในปี 67)

โดยเชื่อว่าปัจจัยบวกที่จะช่วยให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นคือ การที่ลูกหนี้มีความสามารถในการชำระหนี้เพิ่มขึ้นจาก GDP ที่ขยายตัวแข็งแกร่งและผลดีจากอัตราดอกเบี้ยสูง แต่กลุ่มธนาคารจะมี downside risk หากคุณภาพสินทรัพย์ลดลงและมีการประกาศมาตรการกำกับดูแลที่มีความเข้มข้นขึ้น ซึ่งอาจทำให้ธนาคารพาณิชย์เพิ่มความเข้มงวดของหลักเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อจึงส่งผลให้สินเชื่อเติบโตชะลอตัว