“ทรีนีตี้” มองหุ้นไทยเดือนพ.ค.แกว่งในกรอบ 1,340-1,400 จุด

Categories : Update News, Stock Market

Public : 05/02/2024

ทรีนีตี้มองหุ้นไทยเดือนพ.ค.แกว่งในกรอบ 1,340-1,400 จุด แนะลงทุนหุ้นส่งออกที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่าหุ้นกลุ่มแบงก์ และหุ้นที่คาถูกนำเข้าดัชนี SET50

ทรีนีตี้ประเมินตลาดหุ้นเดือนพ.ค.ทรงตัว จับตาเงินบาทที่อาจทรงตัวอ่อนค่า จากการขนเงินปันผลออกของนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงการเข้าสู่ Low season ของการท่องเที่ยวและราคาน้ำมันดิบที่อยู่สูง จะส่งผลกดดันต่อดุลบัญชีเดินสะพัดได้ อย่างไรก็ดี คาหวังมาตรการ Uptick rule เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนในช่วงปลายไตรมาส ให้กรอบดัชนี 1,340-1,400 จุด แนะลงทุนหุ้นส่งออกที่ได้ประโยชน์จากบาทอ่อนค่า หุ้นแบงก์รายตัว และหุ้นที่คาถูกนำเข้าดัชนี SET50

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์  บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด                 เปิดเผยถึงทิศทางตลาดหุ้นไทยเดือนพฤษภาคม 2567 ว่า ภาพตลาดหุ้นไทยในเดือนพฤษภาคม คาดว่าดัชนีน่าจะทรงตัว โดยปัจจัยที่อาจเข้ามาเป็นตัวกระตุ้นได้บ้าง คือการประกาศใช้มาตรการ Uptick rule ในการทำชอร์ตเซลล์ ขอตลาดหลักทรัพย์ (ตลท.) ซึ่งหากเกิดขึ้นได้เร็ว น่าจะเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนขึ้นมาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่จำกัด Upside ของดัชนีในเดือนนี้ยังคงมองไปยังพื้นฐานกำไรของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ขนาดใหญ่ที่ยังคงอ่อนแอ รวมถึงค่าเงินบาทที่ยังคงอ่อนแอกว่าภูมิภาคด้วยเช่นกันโดยอาจต้องระวังปัจจัยทางด้าน Fund flow ที่เข้าสู่ช่วง Low season จากการขนย้ายเงินปันผลออกนอกประเทศของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งอาจส่งผลกดดันต่อค่าเงินบาทและภาพดัชนีโดยรวมได้ สำหรับปัจจัยกดดันค่าเงินบาทอื่นได้แก่ การเข้าสู่ช่วง Low season ของภาคการท่องเที่ยวไทย ซึ่งจะส่งผลต่อความอ่อนแอของดุลบริการ และต้นทุนการนำเข้าของไทยที่สูงขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ ซึ่งจะส่งผลกดดันต่อดุลการค้าได้​​ส่วนปัจจัยต่างประเทศคงต้องติดตามความเสี่ยงรัฐภูมิศาสตร์ระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล ที่มีโอกาสสร้าง Noise รบกวนให้กับตลาดทุนทั่วโลกได้ทุกเมื่อและการออกมาแสดงความเห็นของกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ท่านต่างๆ หลังจากผ่านพ้นการประชุมคณะกรรมการ FOMC ในช่วงต้นเดือนนายณัฐชาต ยังกล่าวว่า ล่าสุด ทรีนีตี้ได้ปรับสมมติฐานการลดดอกเบี้ยของกนง.ปีนี้ลงอย่างเป็นทางการจาก 2 ครั้งหรือ 0.5% ลงมาเหลือ 1 ครั้งหรือ 0.25% ทำให้มีการปรับเปลี่ยนสมมติฐาน Forward PE ของ SET ในกรณีดีสุด/กรณีฐาน/กรณีแย่สุด มาอยู่ที่ 13.8x / 12.8x / 11.9x และทำให้ได้ระดับดัชนี SET ที่เหมาะสมใหม่ในแต่ละกรณีมาอยู่ที่ 1,480 / 1,370 / 1,270 จุดตามลำดับด้วยเหตุนี้ จึงคาดการณ์ SET Index เดือนนี้แกว่งตัวในกรอบ 1,340-1,400 จุด (มีจุดศูนย์กลางที่ระดับ1370 จุด ซึ่งเป็นระดับยุติธรรมใหม่) โดยหลังจากที่แนะนำให้เข้าซื้อหุ้นรอบล่าสุดไปที่บริเวณดัชนี 1,370จุด แนะนำนักลงทุนใช้กลยุทธ์ Wait & See ไปก่อน โดยกำหนดกลยุทธ์ด้านเทคนิคแนวรับถัดไปที่ระดับ 1,340-1,350 จุด

มองกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจประจำเดือนนี้ ได้แก่ 1.กลุ่มส่งออกที่ได้ประโยชน์จากการอ่อนค่าของเงินบาท ได้แก่ COCOCO, PLUS, MALEE, AAI, ITC, STGT 2.กลุ่มธนาคารที่แนวโน้มความอ่อนแอของ NIM ได้ถูกสะท้อนเข้าไปอยู่ในสมมติฐานของนักวิเคราะห์ รวมถึงราคาหุ้นในปัจจุบันไปมากแล้ว เลือก BBL, KTB, TTB และ 3.กลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะถูกนำเข้าสู่ดัชนี SET50 ในรอบถัดไปได้แก่ BJC, TIDLOR, BCP, ITC