ก.ล.ต-ตลาดหลักทรัพย์ ลุยตรวจสอบ NEX ค้นหา “ ความจริง” ต้นเหตุหุ้น Floor ล่าสุด สั่งเปิดเผยข้อมูล หลังตรวจพบ ซีอีโอ และภาารยา แจ้งข้อมูลเท็จ เรื่องขายหุ้นก่อนหน้า ประกาศเพิ่มทุน และ กลายเป็นผู้ที่ซื้อหุ้นเพิ่มทุนแบบ เฉพาะเจาะจง ส่อผิด พ.ร.บ หลักทรัพย์มาตรา 59
ขณะที่ก่อนหน้าหนึ่งวัน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ต.ล.ท) ได้ออกมาเปิดเผย ต้นเหตุการดิ่ง Floor ของหุ้น NEX สาเหตุหลักและสำคัญ คือ ผู้ถือหุ้นนำหุ้นไปเป็นหลักประกันกู้เงินกับ บล.เกิดทุนจำทะเบียนชำระแล้ว ถึง20% เมื่อราคาหุ้นลงแรงก็ถูกบังคับขาย และถูกซ้ำด้วย ชอร์ตเซล
มาถึงตรงนี้จะเห็นว่า“ ชอร์เซล ”คือด่านสุดท้ายที่ทำให้หุ้นดิ่ง ( การชอร์ตจะเกิดขึ้นเมื่อเห็นทิศทางว่าหุ้นจะดิ่งอีก )
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้า ทางทีมผู้บริหารNEXและEAได้ออกมาแถลง เรื่องเพิ่มทุน และพร้อมรวมรวมข้อมูลส่ง“ ดีเอสไอ” หาไอ้โม้งทุบหุ้น และชอร์ต Short Sell ,Naked Short และ Robot Tradeเพื่อหาตัวผู้กระทำผิดให้ได้ รวมทั้งช่วยยกมาตรฐานตลาดทุนไทยและปกป้องบริษัทจดทะเบียนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อรายต่อไป
ล่าสุด
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สั่งการให้บริษัท บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) (NEX)และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ชี้แจงข้อมูลภายในวันที่ 26 มิถุนายน 2567เกี่ยวกับกรณีที่ CEO และผู้ที่อยู่กินกันฉันสามีภรรยาแจ้งข้อมูลการขายหุ้น NEX ล่าช้า ซึ่งไม่ตรงกับข้อมูลที่ NEX ได้เคยเปิดเผยผ่านระบบการเผยแพร่ข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนของ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ระบบ SETLink) รวมถึงให้คณะกรรมการบริษัทชี้แจงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายแบบเฉพาะเจาะจงให้กับ CEO และระบบงานในการสอบทานความถูกต้องของข้อมูลก่อนการเผยแพร่ข่าวของ NEX พร้อมทั้งให้เปิดเผยข้อมูลผ่านระบบ SETLink
ตามที่ NEX ได้เปิดเผยข้อมูลผ่านระบบ SETLink เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2567 เพื่อชี้แจงข้อสอบถามของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เกี่ยวกับพัฒนาการที่สำคัญในระยะเวลาอันใกล้ เนื่องจากราคาซื้อขายหุ้นของ NEX มีการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาที่ปรับลดลงในระหว่างวันที่ 13-15 พฤษภาคม 2567
โดยครั้งนั้นชี้แจงว่าไม่มีพัฒนาการใด ๆ นอกเหนือจากที่ได้เปิดเผยผ่านระบบ SETLink อย่างไรก็ดี จากแบบรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของผู้บริหาร (แบบ 59) ที่นายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา (นายคณิสสร์) รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ NEX และผู้ที่อยู่กินกันฉันสามีภรรยานำส่งต่อ ก.ล.ต. เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2567 ปรากฏข้อมูลว่าบุคคลทั้งสองได้มีการขายหุ้น NEX ที่ถืออยู่ในบริษัทรวมกันจำนวน 431,282,500 หุ้น เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2567
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ NEX ครั้งที่ 5/2567 เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2567 ได้มีมติอนุมัติให้จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 39,215,686 หุ้น เพื่อเสนอขายแบบเฉพาะเจาะจงให้กับนายคณิสสร์ โดยที่ ณ ขณะนั้นไม่ปรากฏข้อมูลใด ๆ ต่อสาธารณะว่านายคณิสสร์และผู้ที่อยู่กินกันฉันสามีภรรยาได้การขายหุ้น NEX ที่ถืออยู่เกือบทั้งหมดออกไปแล้ว
ก.ล.ต. พิจารณาแล้วเห็นว่าประเด็นข้างต้นถือเป็นข้อมูลที่อาจมีผลกระทบต่อสิทธิประโยชน์ของผู้ถือหลักทรัพย์หรือต่อการตัดสินใจในการลงทุนของผู้ลงทุน จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 58 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ) ให้ NEX ชี้แจงข้อมูลดังต่อไปนี้
ในการชี้แจงของ NEX ผ่านระบบ SETLink เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2567 เหตุใดจึงไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการขายหุ้นดังกล่าวของนายคณิสสร์และผู้ที่อยู่กินกันฉันสามีภรรยา รวมถึงไม่มีการเปิดเผยข้อมูลใด ๆ ให้ผู้ลงทุนได้รับทราบจนกระทั่งมีการนำส่งแบบ 59 ของนายคณิสสร์ต่อ ก.ล.ต. ซึ่งเป็นการนำส่งล่าช้ากว่า 1 เดือน และเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 59 แห่ง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ รวมถึงให้ชี้แจงในประเด็นเรื่องจำนวนหุ้นคงเหลือของนายคณิสสร์ ที่ในแบบ 59 ดังกล่าวระบุว่ามีจำนวน 10,000,000 หุ้น ซึ่งไม่ตรงกับสารสนเทศที่ NEX แจ้งผ่านระบบ SETLink เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2567 ที่ว่ามีจำนวนหุ้นคงเหลือ 17,107,000 หุ้น
ในการพิจารณาจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายแบบเฉพาะเจาะจงให้กับนายคณิสสร์ คณะกรรมการ NEX ได้รับทราบถึงการการจำหน่ายหุ้นของนายคณิสสร์และผู้ที่อยู่กินกันฉันสามีภรรยาหรือไม่ และหากทราบ เหตุใดจึงไม่มีการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวให้ผู้ลงทุนได้รับทราบ และ NEX มีมาตรการในการตรวจสอบหรือสอบทานข่าวที่ NEX เผยแพร่ผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ อย่างไร เพื่อให้มั่นใจว่า NEX ได้ให้ข้อมูลที่ครบถ้วนถูกต้องต่อผู้ลงทุน
ทั้งนี้ ให้ NEX ชี้แจงข้อมูลดังกล่าวต่อ ก.ล.ต. พร้อมกับเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ภายในวันที่ 26 มิถุนายน 2567 และเผยแพร่คำชี้แจงดังกล่าวผ่านระบบ SETLink
อนึ่ง ก.ล.ต. ได้ประสานความร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในการติดตามและตรวจสอบในกรณีนี้ และหากพบการกระทำที่เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ ก.ล.ต. จะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป