ตลท.จ่อเรียก EA แจงข้อมูลหลังพบ “สมโภชน์” ขายหุ้นไม่ตรงกับแจ้งก.ล.ต. เล็งหามาตรการคุมจำนำหุ้นบัญชีมาร์จิ้น

Categories : Update News, Stock Market

Public : 07/11/2024

ตลท.จ่อเรียก EA แจงข้อมูลหลังพบ  "สมโภชน์" ขายหุ้นไม่ตรงกับแจ้งก.ล.ต. เล็งหามาตรการคุมจำนำหุ้นบัญชีมาร์จิ้น ด้าน EA บิ๊กล็อตโผล่ต่อเนื่อง!!

นายรองรักษ์ พนาปวุฒิกุล รองผู้จัดการ ในฐานะโฆษก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ตลท.จะเรียก บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ชี้แจงข้อมูลที่นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ ขายหุ้น EA จำนวน 14.69 ล้านหุ้น ซึ่งแจ้ง ตลท.ไม่ตรงกับที่แจ้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์แล ตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

จากข้อมูลที่นายสมโภชน์ แจ้งกับ ตลท.ระบุว่าเป็นการขายหุ้น Big lot จำนวน 14.69 ล้านหุ้นในช่วง ณ ราคาปิดตลาด (ATC) ในวันที่ 1 ก.ค.67 เพื่อปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น ไม่ได้ถูก Force sell และไม่มีหุ้นที่มีความเสี่ยงจะโดน Force sell เหลือแล้ว แต่นายสมโภชน์กลับชี้แจงข้อมูลกับ ก.ล.ต.ว่ารายการดังกล่าวเป็นการทำรายการแบบ Auto Matching ซึ่งเป็นการรายงานที่ไม่ตรงกัน

"ตลาดหลักทรัพย์เตรียมเรียก EA เข้ามาชี้แจงข้อมูลภายในวันสองวันนี้เกี่ยวกับรายการขายหุ้นที่มีการรายงานข้อมูลของการทำรายการขายหุ้นที่แจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์ฯทราบไม่ตรงกันกับที่ EA แจ้งกับก.ล.ต." นายรองรักษ์ กล่าว

นายรองรักษ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้พบว่าผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนหลายรายนำหุ้นจำนวนมากไปวางเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันบัญชีมาร์จิ้น ซึ่งทาง ตลท.รายงานข้อมูลดังกล่าวต่อสาธารณะอย่างต่อเนื่องผ่านทางเว็บไซต์เพื่อให้นักลงทุนได้ทราบว่าแต่ละบริษัทจดทะเบียนนำหุ้นไปวางไว้ในสัดส่วนเท่าใด

ตลท.ต้องการให้นักลงทุนใช้ความระมัดระวังการลงทุนหุ้นที่ถูกนำไปวางมาร์จิ้นในสัดส่วนสูงเมื่อเทียบกับจำนวนหุ้นทั้งหมด เพราะมีโอกาสที่หุ้นนั้นๆ จะมีความผันผวนของราคาค่อนข้างมาก และมีโอกาสถูก Force sell ทำให้ราคาปรับตัวลงแรงมาก โดยไม่มีปัจจัยพื้นฐานมารองรับ และยังต้องดูว่าการที่ผู้บริหารมีการนำหุ้นไปวางมาร์จิ้นเป็นการใช้เงินผิดวัตถุประสงค์หรือไม่

โฆษก ตลท.กล่าวอีกว่า ตลท.ติดตามเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องเพื่อรวบรวมข้อมูลมาประกอบใช้ในการพิจารณาหามาตรการเพิ่มเติมมาเพื่อควบคุมเรื่องดังกล่าว และจะเข้าไปหารือกับทาง ก.ล.ต.ในการร่วมกันหามาตรการด้วย เพื่อป้องกันผลกระทบจากการที่หุ้นถูก Force sell จากการนำไปวางมาร์จิ้นจำนวนมากด้วย และเป็นการช่วยดูแลนักลงทุนรายย่อย

นายรองรักษ์ กล่าวถึงผลของการเริ่มใช้มาตรการ uptick มาเป็นระยะเวลา 8 วันทำการที่ผ่านมาว่า มูลค่า Short sell เฉลี่ยรายวันปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญถึง 72% มาเหลืออยู่ที่ 1.46 พันล้านบาท/วัน จากช่วงก่อนใช้ Uptick อยู่ที่ 5.29 พันล้านบาท/วัน เนื่องจากทำ Short sell ได้ยากขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยทำให้ภาพของตลาดหุ้นไทยในครึ่งปีหลังจะฟื้นตัวขึ้น

นอกจากนี้ การฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลังยังจะมาจากปัจจัยสนับสนุนอื่นๆด้วย เช่น การเริ่มทยอยเริ่มใช้มาตรการฟื้นความเชื่อมั่นของตลาดหุ้น แรงหนุนจากจากเม็ดเงินใหม่ของกองทุน TESG และกองทุนวายุภักษ์ ส่งผลให้โอกาสที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะลงแรงๆ มีน้อยแล้ว และยังมีปัจจัยบวกจากต่างประเทศหลังจากที่ธนาคารสหรัฐ (เฟด) เริ่มส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ยมีส่วนช่วยหนุนให้กระแสเงิน (Fund flow) จะไหลกลับเข้ามาในกลุ่มตลาดหุ้นในประเทศเกิดใหม่ รวมถึงตลาดหุ้นไทย

 

ด้านหุ้น EA ยังพบรายการบิ๊กล็อตต่อเนื่อง 3 37,300,000 มูลค่ารวม 488.63 ล้านบาท