บลจ. พรินซิเพิล แนะกระจายการลงทุนหุ้นอินเดียรับเศรษฐกิจเติบโตก้าวกระโดด เปิดตัวกองทุนเปิด PRINCIPAL INDIAEQ เสนอขาย IPO 1 – 9 ส.ค.นี้ ชูจุดเด่นกองทุนหลักที่เข้าลงทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี สูงถึง 163.74%

Categories : Update News, Wealth

Public : 02/08/2024
 

บลจ. พรินซิเพิล แนะกระจายการลงทุนหุ้นอินเดียรับเศรษฐกิจเติบโตก้าวกระโดด เปิดตัวกองทุนเปิด PRINCIPAL INDIAEQ เสนอขาย IPO 1 – 9 ส.ค.นี้ ชูจุดเด่นกองทุนหลักที่เข้าลงทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี สูงถึง 163.74%

 

บลจ. พรินซิเพิล แนะนำกระจายพอร์ตการลงทุนในตลาดหุ้นอินเดียรับเศรษฐกิจที่เติบโตแรงและยังได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากรัฐบาล คาด ปี เติบโตไม่ต่ำกว่า ต่อปี และคาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียนจะเติบโตถึง ในปีนี้ และ ในปีหน้า เปิดตัวกองทุนเปิด เสนอขาย ส.ค.นี้ เข้าลงทุนใน เป็นกองทุนหลักบริหารงานโดย ที่ก่อตั้งโดยอดีตผู้บริหารระดับสูงของบริษัทจัดการระดับโลก เน้นลงทุนหุ้นคุณภาพดีในอุตสาหกรรมเติบโตสูง ชูผลตอบกองทุนหลักผลตอบแทนย้อนหลัง ปี สูงถึง 63.74

 

Mr.Ayush Abhijeet, Investments Director, White Oak Capital Partnersเปิดเผยว่าตลาดหุ้นอินเดียเป็นตลาดมีที่ความน่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการกระจายความเสี่ยงการลงทุนไปในตลาดหุ้นที่มีโอกาสเติบโตสูงในปี เนื่องจากเศรษฐกิจอินเดียเติบโตอย่างแข็งแกร่ง มีโครงสร้างประชากรที่เอื้อต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ และการสนับสนุนจากนโยบายของรัฐบาล โดยคาดการณ์ว่าอินเดียจะเป็นหนึ่งในประเทศที่เศรษฐกิจขยายตัวเร็วที่สุดในโลก โดยมีการประมาณการว่า ปี และ จะมีอัตราเติบโตถึง และ ตามลำดับ สอดคล้องกับการคาดการณ์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ที่คาดว่าเศรษฐกิจอินเดียจะเติบโตเฉลี่ย ในช่วง ปีข้างหน้า

ปัจจุบันอินเดียมีประชากรรวม ล้านคน เป็นอันดับ ของโลก และมีอัตราขยายตัวของประชากรเฉลี่ย ต่อปี โครงสร้างประชากรส่วนใหญ่อยู่ในวัยหนุ่มสาวและมีบทบาทสำคัญต่อการผลักดันการบริโภคภายในประเทศ นอกจากนี้การเพิ่มขึ้นของรายได้ของทำให้มีจำนวนชนชั้นกลางมากขึ้นในอินเดีย สนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและธุรกิจค้าปลีก รวมไปถึงความต้องการในการเข้าถึงการบริการด้านสุขภาพที่ดี เศรษฐกิจที่ขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่งจะสะท้อนลงมายังผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดและเป็นปัจจัยบวกต่อราคาหุ้น

ขณะที่การเลือกตั้งภายในอินเดียที่สิ้นสุดเมื่อเร็ว ๆ นี้ นายเรนทรา โมดี คว้าชัยชนะเป็นสมัยที่ ติดต่อกัน และได้ร่วมมือกับพรรคพันธมิตรเพื่อครองเสียงข้างมากในสภาจะทำให้การดำเนินนโยบายภาครัฐและการพัฒนาประเทศมีความต่อเนื่องได้ โดยเฉพาะด้านการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน อุตสาหกรรม และการสร้างงาน ทั้งนี้รัฐบาลอินเดียมีการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานผ่านโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการผลิต และได้ใช้เทคโนโลยีมาพัฒนารูปแบบการทำงานให้เป็นดิจิทัลมากขึ้นเพื่อการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว ประกอบกับความต้องการทางสาธารณสุขและการแพทย์ที่เพิ่มขึ้น จะเป็นปัจจัยบวกของตลาดหุ้นอินเดียในหลากหลายอุตสาหกรรมเช่น ธุรกิจกลุ่มอุตสาหกรรม เทคโนโลยี โครงสร้างพื้นฐาน

นายศุภกร ตุลยธัญ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรินซิเพิล จำกัด กล่าวว่า ของตลาดหุ้นอินเดียมีความน่าสนใจเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยการที่ตลาดหุ้นอินเดีย เช่น ดัชนี

ที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีนี้และทำให้ของตลาดหุ้นอินเดียจะปรับสูงขึ้นเป็นการสะท้อนว่านักลงทุนส่วนใหญ่ยังเห็นโอกาสการเติบโตของเศรษฐกิจอินเดีย โดยค่า ของตลาดหุ้นอินเดียในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ เท่า คิดเป็น ของค่าเฉลี่ย ปี ซึ่งนับว่าเป็นระดับที่มีความเหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน โดยเฉพาะเมื่อคาดการณ์ว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นอินเดียจะเติบโตถึง ในปีนี้ และเติบโต ในปีหน้า

นายศุภกรกล่าวอีกว่า บลจ. พรินซิเพิล จะเปิดตัว“กองทุนเปิดพรินซิเพิล อินเดีย อิควิตี้ ”ทุนจดทะเบียน ล้านบาท โดยกำหนดเสนอขาย วันที่ สิงหาคม ลงทุนขั้นต่ำเพียง บาท โดยกองทุน มีนโยบายที่จะลงทุนผ่านกองทุน ()กองทุนเดียว โดย เน้นลงทุนในบริษัทที่มีคุณภาพ มีการเติบโตที่มั่นคง และมีธรรมาภิบาลสูงในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เติบโตสูง เช่น กลุ่มธุรกิจการเงิน กลุ่มธุรกิจสินค้าฟุ้มเฟือย กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มอุตสาหกรรม และกลุ่มการแพทย์ กองทุนหลักมีการกระจายการลงทุนแบบสมดุลเมื่อพิจารณามูลค่าตามราคาตลาด โดยลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่เฉลี่ย 60หุ้นขนาดกลางและเล็กรวม 50และกระจายการลงทุนในหลักทรัพย์ถึง – ตัว

ซึ่งเป็นกองทุนหลักที่เข้าลงทุนสร้างผลตอบแทนสะสมกองทุนหลักผลตอบแทนย้อนหลัง ปีสูงถึง 63.74 สูงกว่าดัชนีชี้วัดถึง 4.56 ภายใต้บริหารจัดการโดยบริษัท บริษัทด้านการลงทุนและให้คำปรึกษาในประเทศสิงคโปร์ ก่อตั้งและบริหารโดย คุณประชัน เขมขา อดีตผู้บริหารระดับสูงของบริษัทจัดการระดับโลก และมีทีมการลงทุนกว่า คนที่มีประสบการณ์การวิเคราะห์และการลงทุนในตลาดหุ้นประเทศอินเดียรวมทั้งตลาดหุ้นกลุ่มเศรษฐกิจเกิดใหม่ ซึ่งทำให้ สามารถเลือกหลักทรัพย์ได้อย่างโดดเด่น เนื่องจากมีบุคลากรมากเพียงพอที่จะวิเคราะห์หลักทรัพย์ทั้งหมดในตลาดหุ้นอินเดียและใช้ประโยชน์จากการที่อินเดียเป็นตลาดที่ประสิทธิภาพของข้อมูลต่ำ ได้

ทั้งนี้การลงทุนหรือเพิ่มสัดส่วนลงทุนในตลาดหุ้นอินเดียยังทำให้พอร์ตการลงทุนสมดุลมากขึ้น ผ่านการช่วยลดการกระจุกตัวของการลงทุนในตลาดหุ้นกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว และลดความเสี่ยงแก่พอร์ตลงทุนโดยรวม เนื่องจากตลาดหุ้นอินเดียมี หรือความสัมพันธ์กับตลาดหุ้นกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วบางประเทศในระดับต่ำจึงช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาดหุ้นโลกได้ โดยแนะนำว่าควรพิจารณาการลงทุนในตลาดหุ้นอินเดีย เป็น ในพอร์ตการลงทุนเสริม หรือไม่เกิน ของพอร์ตลงทุนสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง ในกองทุนหุ้นอินเดียที่มีส่วนผสมที่ดีระหว่างหุ้นขนาดใหญ่ กลางและเล็ก ซึ่งเป็นลักษณะกองทุนที่จะสร้างโอกาสหาผลตอบแทนส่วนเพิ่มได้