“WHA Group”เด่น โชว์กำไรสุทธิ 2,653 ล้านบาทโต 91%จ่อปรับเป้ายอดขายที่ดินรับอานิสงส์ย้ายฐานการลงทุนพุ่ง

Categories : Update News, Stock Market

Public : 08/13/2024

WHA Group”เด่น โชว์กำไรสุทธิ 2,653 ล้านบาท 91%จ่อปรับเป้ายอดขายที่ดินรับอานิสงส์ย้ายฐานการลงทุนพุ่ง

 บมจ. ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (“WHA Group”) แจ้งงบผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก               ของปี 2567 ฟอร์มเด่น มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไร 7,273 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 2,653 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 91% (YoY) แบ่งเป็นรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 7,080 ล้านบาท และกำไรปกติ 2,549 ล้านบาท จากการเติบโตของ 4 กลุ่มธุรกิจ โลจิสติกส์-นิคมอุตสาหกรรม-สาธารณูปโภคและพลังงาน- ดิจิทัล ด้าน Group CEO “จรีพร จารุกรสกุล” ส่งสัญญาณบวกเล็งปรับเป้ายอดขายที่ดินใหม่ สยายปีกรองรับนักลงทุนที่จ่อย้าย ฐานการลงทุนและการผลิตเข้าไทยต่อเนื่อง

บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2567 มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรทั้งสิ้น 3,343 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 1,289 ล้านบาท โดยเป็นรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 3,304 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% และกำไรปกติ 1,265 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

สำหรับงวด 6 เดือนแรกปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรทั้งสิ้น 7,273 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,653 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 91% จากงวดเดียวกันของปีก่อย โดยหากพิจารณาถึงผลประกอบการปกติ บริษัทฯ มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 7,080 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% และกำไรปกติ 2,549 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 93% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งอัตราการเติบโตดังกล่าว สะท้อนถึงศักยภาพการเติบโตของ 4 กลุ่มธุรกิจที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) WHA Group เปิดเผยว่า สำหรับการเติบโตของผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกปี 2567 ถือเป็นการตอกย้ำความสำเร็จของการเป็นผู้นำใน 4 กลุ่มธุรกิจ ทั้งโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคและพลังงาน ตลอดจนดิจิทัล ทั้งในประเทศไทยและเวียดนามได้เป็นอย่างดี

สำหรับธุรกิจที่โดดเด่นคือ

ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ครึ่งปีแรก 2567 บริษัทฯ มียอดขายที่ดินรวม 1,042 ไร่ (ไทย 979ไร่ / เวียดนาม 63 ไร่) และมียอดเซ็น MOU รวม 756 ไร่ (ไทย 714 ไร่ / เวียดนาม 43 ไร่) โดยไตรมาส 2 และ 6 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมรวมทั้งสิ้น 1,460 ล้านบาท และ 3,587 ล้านบาท เนื่องจากการรับรู้ยอดการโอนที่ดินครึ่งปีแรกที่เติบโตมากกว่า 65% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่ได้รับปัจจัยหนุนจากการย้ายฐานการลงทุน และการผลิตมายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 2/2567 บริษัทฯ มียอดขายที่รอการโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) ให้กับลูกค้ากว่า 879 ไร่ (ไทย 871 ไร่ / เวียดนาม 8ไร่)

โดยยอดขายที่ดินในไตรมาส 2/2567 นี้ ส่วนหนึ่งมาจากการลงนามในสัญญาซื้อขายที่ดินกับบริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่ของโลกที่มีแผนการก่อสร้างโรงงานผลิตเซลล์แบตเตอรี่บนพื้นที่ดินกว่า 100 ไร่ เพื่อรองรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้าในไทย ตอกย้ำการเป็นจุดหมายด้านการผลิตและการลงทุนของภูมิภาคที่สำคัญของอุตสาหกรรมใหม่ๆ อย่างยานยนต์ไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี

ปัจจุบันบริษัทฯ มีพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทั้งในประเทศไทยและประเทศเวียดนามทั้งหมด 77,600 ไร่ โดยเป็นนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ระหว่างดำเนินการในประเทศไทย จำนวน 12แห่ง และยังมีโครงการขยาย/ พัฒนานิคมฯ ใหม่ 7 โครงการ บนพื้นที่รวมกว่า 9,430 ไร่ ส่งผลให้บริษัทฯ จะมีพื้นที่นิคมฯ รวมกว่า 52,650ไร่ ในช่วง 3 ปีข้างหน้า สำหรับโครงการนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 5 (3,400 ไร่) ซึ่งอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาต บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการก่อสร้างภายในไตรมาส 1/2568 และมีพื้นที่พร้อมขายภายในไตรมาส 2/2568

สำหรับประเทศเวียดนาม มีการเปิดดำเนินการเขตอุตสาหกรรมแล้ว ซึ่งมีพื้นที่ในการพัฒนารวม 22,815 ไร่ (3,650 เฮกตาร์) ประกอบด้วยเขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน 1 – เหงะอาน ที่ได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และเขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน 2 – เหงะอาน เฟส 1A/1B และเฟส 2 พื้นที่รวม 1,600 ไร่ (250 เฮกตาร์) ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่งคาดว่าจะได้รับการอนุมัติใบอนุญาตสำหรับโครงการสำหรับเฟส 1A/1B พื้นที่ 1,200 ไร่ (189 เฮกตาร์) ภายในปีนี้ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนขยายเขตอุตสาหกรรมใหม่อีก 3โครงการในจังหวัด Thanh Hoa และ Quang Nam เป็นพื้นที่รวมกว่า 9,690 ไร่ (1,550เฮกตาร์)

บริษัทฯ คาดว่าธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในช่วงครึ่งปีหลัง มีแนวโน้มการเติบโตได้ดีต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก โดยเฉพาะธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทย ที่ได้รับอานิสงส์จากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทำให้เกิดกระแสการย้ายฐานการลงทุนและการผลิตมายังไทยมากขึ้น ประกอบกับราคาขายที่ดินเฉลี่ยที่ยังคงมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อเนื่องโดยภายในสิ้นปี 2567 นี้ บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถเซ็นสัญญาซื้อขายที่ดินได้มากกว่าเป้าหมายการขายที่ดินที่ได้ประกาศไว้เมื่อต้นปี 2567 ที่จำนวน 2,275 ไร่ และอยู่ระหว่างการเตรียมแผนการปรับเป้าหมายการขายที่ดินของปีนี้ใหม่ ซึ่งจะประกาศออกมาในเร็วๆนี้