รมว.คลัง ลั่น ตลาดหุ้นเริ่มมีเสถียรภาพ,มาตรการต่างๆที่ดำเนินการมาถือว่า ถูกทาง-คาดเสนอขายกองทุนวายุภักษ์ ต้นต.ค.นี้

Categories : Update News, Stock Market

Public : 08/26/2024
 

 รมว.คลัง ลั่น ตลาดหุ้นเริ่มมีเสถียรภาพ,มาตรการต่างๆที่ดำเนินการมาถือว่า ถูกทาง รอทิศทางและเศรษฐกิจประเทศ เชื่อ เรียก ความเชื่อมั่นเริ่มฟื้น คาดเสนอขายกองทุนวายุภักษ์ ต้นต.ค.นี้

 

นายพิชัย ชุณหวชิร รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายในงาน "พิธีลงนามบันทึกความตกลงว่าด้วยการประสานความร่วมมือเพื่อประโยชน์ในการป้องกัน และปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์อันเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน” ว่ามองว่าความเชื่อมั่นของตลาดทุนไทยนั้น เกิดได้จากการรู้ ได้เห็น วิเคราะห์แยกแยะได้ด้วยตัวเอง โดยจะเห็นว่าช่วงที่ผ่านมานักวิเคราะห์และนักลงทุนก็ได้วิเคราะห์ไปในทางเดียวกัน และมาตรการต่างๆที่ทาง ตลท.-กลต.ดำเนินการมาถือว่ามาถูกทางส่วนที่ยังเหลือและต้องดูต่อไปคือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและทิศทางของประเทศหลังจากนี้

 

 "  เหตุการณ์ในวันนี้ถือเป็นสิ่งที่ตลาดหุ้นไทยต้องการ เพราะหากมองย้อนหลังไป 2-3 ปี นักลงทุนเรียกร้องความมั่นใจ และความเชื่อมั่นจากทั้งในและต่างประเทศมาก อย่างไรก็ตาม กลไกการสร้างความเชื่อมั่นโดยทั่วไปจะมีองค์ประกอบหลายเรื่อง

  โดยเรื่องแรก คือ กลไกการทำงานของการลงทุนที่อธิบายได้ ซึ่งในช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา หน่วยงานกำกับได้ทำหลายมาตรการออกมาเพื่อทำให้มั่นใจว่ากลไกของการลงทุนนั้นเป็นธรรมและสะท้อนถึงมูลค่าที่ลงทุนอย่างแท้จริง

 

ยกตัวอย่าง มาตรการช็อตเซลล์ เน็กซ์ช็อตเซลล์ การป้องกันโรบอตเทรด ซึ่งมีความได้เปรียบในการส่งคำสั่งซื้อรวดเร็ว ดังนั้น เมื่อเราสามารถอธิบายได้ โดยไม่ขัดต่อแนวทางปฏิบัติสากลแล้ว วันนี้ก็เห็นผลว่า ทุกอย่างเริ่มนิ่ง แต่หลังจากนี้ตนก็เชื่อมั่นว่ายังมีมาตรการอีกเล็กๆน้อยๆเพิ่มเติมเพื่อช่วยให้การซื้อขายสามารถอธิบายได้มากขึ้นอีก

 

เรื่องต่อมาคือ จะต้องดูการลงทุนที่อธิบายไม่ได้ ด้วยเจตนาที่ไม่สุจริตหรือไม่เจตนาแต่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อตลาดฯ สิ่งนี้ควรจะมีความร่วมมือกันจาก ตลท. และ ก.ล.ต. เพราะเห็นข้อมูลการเทรดทุกวัน อีกทั้ง จะต้องเชื่อมโยงเข้ากับข้อมูลเส้นทางเงิน ที่เคลื่อนไหวในตลาดที่เกิดจากการกระทำเหล่านี้เพื่อจะได้เห็นเจตนาของการลงทุนนั้นๆ "

 

“การลงนามในวันนี้ถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญ โดยเฉพาะภาคต่างประเทศที่เรียกร้องมาก ซึ่งผมเชื่อว่าหลังจากนี้ การกำกับภายใต้กฎหมายของรัฐจะต้องตามมาอย่างแน่นอนโดยจะต้องมีการออกกฏหมายในระดับประเทศเพื่อที่จะดูแลเรื่องและมีบทลงโทษอย่างเหมาะสม รวดเร็วเป็นธรรม และลดความเสียหายของผู้ลงทุนได้ด้วย โดยสิ่งที่จะทำจะไม่ได้คุมเฉพาะการลงทุนในประเทศ ขอบเขตของการเฝ้าระวังจะครอบคลุมไปถึงผู้ที่กระทำโดยไม่สุจริตจากต่างประเทศ ซึ่งผมมั่นใจว่าสิ่งที่เราจะทำต่อไปจะเป็นสากล ขณะที่ส่วนที่เหลืออีก 2-3 เรื่อง จะตามมาในอนาคต โดยผมเชื่อว่าทิศทางของตลาดทุนก็จะเป็นอนาคตของประเทศต่อไป“

 

นอกจากนี้ ก็จะเข้าไปดูในส่วนของกองทุนเก่าและใหม่ที่อยู่ในตลาดว่ามีอะไรต้องปรับปรุงเพื่อให้เกิดมีมูลค่า เพราะโครงสร้างที่เราใช้มูลค่าอย่างน้อยอีก 20 ปีหรือมากกว่านั้น และที่สำคัญ ผลิตภัณฑ์สมัยใหม่ ที่เกี่ยวกับดิจิทัลทั้งหลาย จะทำให้เข้าถึงการลงทุนไปถึงรายย่อยทำให้การลงทุนจะส่งต่อไปถึงรายย่อยเพิ่มขึ้นอีก ตลอดจนจะต้องมีผลิตภัณฑ์อีกหลายตัวที่จะต้องเกิดขึ้นจากภาวะโลกร้อน ซึ่งเรื่องนี้อีก 4-5 ปีจะเป็นเรื่องฮอตอย่างแน่นอน เพราะถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้ขีดความสามารถการส่งออกและการลงทุนของไทยก็ได้รับผลกระทบไปด้วยโดยเป็นหน้าที่ของ ก.ล.ต.และตลท.จะต้องเร่งทำความเข้าใจกับนักลงทุน

โดยในนับตั้งแต่ช่วงเดือน ก.ค.มาจนถึงปัจจุบันวอลุ่มการซื้อขายก็ไม่ได้หายไป ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าตลาดหุ้นไทยเริ่มมีเสถียรภาพนิ่ง พร้อมคิดว่าวันนี้ความเชื่อมั่นเริ่มกลับมาแล้ว

ทั้งนี้ ส่วนตัวได้ลองคำนวณตอนช่วงดัชนีหุ้นไทยที่ 1,800 จุด จะมีมูลค่ามาร์เก็ตตลาดอยู่ที่ประมาณ 22-23 ล้านล้านบาท ซึ่งแสดงว่าทุกๆ ดัชนี 100 จุด จะมีมูลค่า 1.3-1.4 ล้านล้านบาท ขณะที่วันนี้ดัชนี Scale Down ลงมาแถว 1,300 จุด ซึ่งหากดัชนีปรับขึ้น 100 จุด จะมีมูลค่ามาร์เก็ตแคปเพิ่มขึ้นราว 1.2-1.3 ล้านล้านบาท หรือถ้าปรับขึ้น 200 จุด ก็จะมีมาร์เก็ตแคปเพิ่มประมาณ 2.5 ล้านล้านบาท ซึ่งก็จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับคนที่ถือหุ้นที่ส่วนใหญ่เป็นคนไทยหรือจะมีเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้นทันที โดยมองว่าปีนี้จะเป็นปีที่น่าตอบโจทย์ของผู้ลงทุนที่จะเกิดขึ้นได้

 

“มองว่าการที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นมา นอกเหนือจากความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจไทยและมาตรการต่างๆ แล้วนั้น ยังมาจากความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนในการที่หน่วยงานต่างๆร่วมมือกันในการตรวจสอบและเร่งดำเนินการกับผู้กระทำความผิดที่สามารถเห็นผลออกมาอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวกลับมา โดยกระทรวงการคลังมีความคาดหวังว่าจะเห็นทิศทางของตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อหลังจากนี้" นายพิชัย กล่าว

 

ขณะที่ความคืบหน้าของการเสนอขายกองทุนวายุภักษ์  กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมและมีการสำรวจความต้องการของกลุ่มต่างๆ ซึ่งได้มีการพูดคุยกับสถาบันการเงิน ธนาคารพาณิชย์ และหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้องเพื่อนำมาพิจารณาในรูปแบบการเสนอขายให้เหมาะสม โดยคาดว่าจะเสนอขายกองทุนวายุภักษ์ได้ในช่วงปลายเดือนก.ย.หรือต้นเดือนต.ค.นี้

 

ส่วน น้ำท่วมที่เกิดขึ้น เชื่อว่ายังไม่เป็นปัจจัยที่กังวลต่อเศรษฐกิจไทยมาก เนื่องจากสถาการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นยังไม่รุนแรงเหมือนกับน้ำท่วมเมื่อปี 54  มั่นใจว่าทางรัฐบาลสามารถบริหารจัดการได้ รวมถึงกระทรวงการคลังก็มีการเตรียมหารือกับธนาคารในการเตรียมแพ็คเกจช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมที่เกิดขึ้น เช่น การยืดหยุุดลูกหนี้ 3 หรือ 6 เดือน เพื่อบรรเทาผลกระทบให้กับลูกหนี้ที่เจอสถานการณ์น้ำท่วมและช่วยให้ประชาชนไม่เดือดร้อนจากการได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมมากนัก

 

ส่วนค่าเงินบาทที่กลับมาแข็งค่าขึ้น คาดว่าก็เป็นไปตามภาวะการเงินของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ค่าเงินบาทจะแข็งค่าและอ่อนตามปัจจัยต่างๆที่เกิดขึ้นในโลก ซึ่งมองว่ายังไม่มีผลกระทบต่อภาคการส่งออกแต่อย่างใดและปัจจุบันยังคงเห็นปริมาณและราคาสินค้าต่างๆที่ส่งอออกอยู่ในระดับที่ดีต่อเนื่อง