สรรพสามิต โชว์ผลงานกรม ESG ตั้งเป้า Net Zero ปี 2050 โชว์รายได้ 11 เดือนกว่า 4.82 แสนล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 10.7%
Categories : Update News, ESG News
Public : 30/09/2024ดร. เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า จากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรง ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนทั่วโลก กรมสรรพสามิตจึงเดินหน้าเรื่องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกมิติผ่านทางนโยบายและมาตรการต่าง ๆ ในการขับเคลื่อนประเทศไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของกรมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยภาษีสรรพสามิต มุ่งเน้น สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) อาทิ
ด้านสิ่งแวดล้อม มาตรการรถยนต์ไฟฟ้า มาตรการ EV 3.0 และ EV 3.5 ที่มีผู้เข้าร่วมมาตรการ EV 3.0 และมาตรการ EV 3.5 รวม 32 ราย ส่งผลให้ยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้า ในปี 2566 สูงกว่าปีก่อนถึง 685% และทำให้ประเทศไทยมีอัตราการเติบโตของยอดจดทะเบียนยานยนต์ไฟฟ้าเป็นอันดับ 1 ของอาเซียน อีกทั้งยังส่งผลให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วน รวมถึงอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องในประเทศไทยกว่า 80,000 ล้านบาท มาตรการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน รวมถึงเป็นการสร้างองค์ความรู้ในอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ และดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ
มาตรการภาษีคาร์บอน หรือ Carbon Tax เป็นกลไกราคาคาร์บอนภาคบังคับ ที่สร้างการตระหนักรู้และการมีส่วนร่วมรับผิดชอบในการปล่อยคาร์บอนให้กับผู้ประกอบการและประชาชน เพื่อลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยผู้ประกอบการที่ส่งสินค้าออกไปยังประเทศปลายทางที่เสียภาษีในส่วนนี้ สามารถนำไปเจรจาลดหย่อนค่าธรรมเนียม Carbon Border Adjustment Mechanism หรือ CBAM ได้ ซึ่งในระยะแรกจะมีการปรับใช้ภาษีคาร์บอนโดยใช้หลักการแปลงภาษีสรรพสามิตที่เดิมมีการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ให้อยู่ในรูปของภาษีคาร์บอน โดยไม่เป็นการสร้างภาระแก่ประชาชน
ด้านสังคม มาตรการการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิต ไวน์ สุราแช่ และสถานบริการ โดยปรับอัตราภาษีตามมูลค่าจากเดิม 10% เป็น 0% และการปรับลดภาษีสถานบันเทิง จาก 10% เป็น 5% เพื่อลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการในการทำธุรกิจ และสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการ นอกจากการปรับลดอัตราภาษีแล้ว กรมได้ดำเนินโครงการ 1 ชุมชน 1 สรรพสามิต แชมเปี้ยน เพื่อเป็นการส่งเสริมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชน สร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนและผู้ประกอบการให้เข้าถึงแหล่งทุน แหล่งความรู้ ด้านการตลาด พลังงานสิ่งแวดล้อม คุณภาพสินค้า และการผลิต รวมถึงส่งเสริมและให้ความสำคัญในด้าน ESG เพื่อสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขัน และลดการใช้พลังงานเพื่อต้นทุนลดลง สำหรับผู้ประกอบการที่ปฏิบัติตามกฎหมายและขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องกับกรมสรรพสามิตต่างก็มีการเติบโตและสร้างรายได้เพิ่มขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด โดยในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา ยอดการจัดเก็บรายได้ภาษีสินค้าสุราแช่ชุมชนเพิ่มสูงขึ้นกว่า 39 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 16.6%
นอกจากนี้ กรมได้ออกมาตรการลดภาษีน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน เพื่อลดค่าครองชีพและต้นทุนให้กับพี่น้องประชาชนและผู้ประกอบการเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ อย่างไรก็ดี ผลการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิต 11 เดือน (ตุลาคม 2566 - สิงหาคม 2567) จัดเก็บได้จำนวน 482,026 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 10.7% และสูงกว่าเป้าหมายของกระทรวงการคลัง 1.06% ซึ่งเป็นเป้าที่ได้มีการปรับผลกระทบจากมาตรการต่าง ๆ ที่ช่วยผู้ประกอบการและประชาชน อาทิ มาตรการการลดภาษีน้ำมัน ภาษีรถ EV เป็นต้น
ในด้านการปราบปราม กรมสรรพสามิตยกระดับการปฏิบัติงานเชิงรุกมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การเปิดศูนย์ปราบปรามสินค้าออนไลน์ และบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอก อาทิ กองทัพบก ศูนย์รักษาความปลอดภัยของชาติทางทะเล (ศร.ชล.) สำนักงานตำรวจสอบสวนกลาง กรมการปกครอง ไปรษณีย์ไทย เป็นต้น ส่งผลให้ผลการปราบปรามสูงขึ้นกว่าปีก่อนถึง 27.4%
นอกจากนี้ ในด้านธรรมาภิบาล กรมยังได้ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้ในการตรวจสอบว่าเป็นสินค้าที่ถูกกฎหมายผ่านการตรวจวิเคราะห์จากสรรพสามิตหรือไม่ โดยประชาชนสามารถตรวจสอบได้จากการสแกนแสตมป์บนผลิตภัณฑ์บุหรี่และสุรา ทั้งนี้นอกจากเป็นการสร้างความชอบธรรมต่อผู้ประกอบการที่เสียภาษีโดยสุจริตแล้ว ยังเป็นการดูแลความปลอดภัยในด้านสุขภาพให้กับพี่น้องประชาชนอีกด้วย