MTL !!ปี67 เบี้ยประกัยภัยรวม ทะลุ 7.1หมื่นล้าน โต1.3% ขณะที่เบี้ยประกันภัยรับใหม่โต13% ปี68 เดินหน้า นโยบาย “Boost Your Happiness by Our People”

Categories : Update News, Insurance

Public : 24/01/2025

MTL !!ปี67  เบี้ยประกัยภัยรวม ทะลุ 7.1หมื่นล้าน โต1.3% ขณะที่เบี้ยประกันภัยรับใหม่โต13%  ปี68 สีชมพูบานสะพรั้งทั่วประเทศไทย ด้วยการเดินหน้า นโยบาย "Boost Your Happiness by Our People" บูสท์ความสุขของคุณด้วยคนของเมืองไทยประกันชีวิต พร้อมเริ่มใช้เกณฑ์ Copayment 20 มี.ค.กับกรมธรรม์ใหม่ !!

นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เมืองไทยประกันชีวิต (MTL)  เปิดเผยถึงภาพรวมการทำธุรกิจในรอบปี 2567 เมืองไทยประกันชีวิต มีเบี้ยประกันภัยรับรวมกว่า 71,800 ล้านบาท เติบโต 1.6% จากปีก่อน เบี้ยประกันภัยรับใหม่เติบโต 13% ซึ่งเป็นการเติบโตในกลุ่มสินค้าหลัก อาทิ Shield Life (ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ ประกันชีวิตแบบภายในระยะเวลาและประกันชีวิตแบบยูนิเวอร์แซลไลฟ์) เติบโต 42% และแบบประกันคุ้มครอง โรคร้ายแรง (รายเดี่ยว) เติบโต 24% เป็นต้น ด้านคะแนน NPS (Net Promoter Score) สูงขึ้นจาก 58 คะแนน เป็น 75 คะแนน ขณะที่ภาพรวมปี 68 คาดจะรักษาระดับเบี้ยรับรวมใกล้เคียงจากปี 67

โดยบริษัทฯ มีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุน ณ สิ้นปี 2567 มากกว่า 350% ซึ่งสูงกว่าระดับเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามเกณฑ์ที่หน่วยงานกำกับดูแลกำหนดที่ 140% บริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ และความแข็งแกร่งทางการเงินจาก S&P Global Ratings ที่ระดับ BBB+ (Stable Outlook) และ Fitch Ratings ที่ระดับ A- และ AAA(tha) (Stable Outlook)

ขณะที่ธุรกิจในภูมิภาค CLMV ยังมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับนโยบายของบริษัทที่มุ่งเน้นการเติบโตระดับภูมิภาค ซึ่งปัจจุบันมีการขยายการลงทุนใน 3 ประเทศ ประกอบด้วย กัมพูชา ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ประกันวินาศภัย และประกันชีวิตที่มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 2 ขณะที่สปป.ลาว ได้มีการร่วมทุนกับผู้ประกอบธุรกิจธนาคาร ST Bank ในลาว มีส่วนแบ่งการตลาดของประกันชีวิตเป็นอันดับ 1 ในประเทศ และในเวียดนาม ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับบริษัท MB Ageas Life ในเวียดนาม และมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 2 ของ อุตสาหกรรมธุรกิจประกันภัยโดยธนาคารพาณิชย์

นายสาระ กล่าวว่า ในปี 2568 นี้ เมืองไทยประกันชีวิตยังคงตอกย้ำตัวตนในการเป็นแบรนด์แห่งการสร้างความสุขและรอยยิ้มที่ยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง พร้อมยกระดับการส่งมอบความสุขผ่านกลยุทธ์ "Boost Your Happiness by Our People" บูสท์ความสุขของคุณด้วยคนของเมืองไทยประกันชีวิต ด้วยการเดินหน้าพัฒนาองค์กรในทุกภาคส่วน โดยมีเป้าหมายร่วมกันคือการส่งมอบความสุขให้กับลูกค้าทุกท่านด้วยความเป็นมืออาชีพ (Professionalism & Expertise) ความโปร่งใสและความสะดวกสบาย (Transparency & Convenience) และความไว้วางใจ (Commitment & Trust) ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ในทุกช่วงชีวิต ประสบการณ์การบริการแบบไร้รอยต่อ (Seamless Experience) และคำมั่นสัญญาตลอดชีวิต (Lifelong Commitment) ผสานกันอย่างลงตัวเพื่อตอบโจทย์ในทุกความเป็นคุณ

“ ธุรกิจประกันชีวิต เป็นธุรกิจที่ให้ความคุ้มครองแก่ลูกค้าในระยะยาว ดังนั้น เมืองไทยประกันชีวิตจึงให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในทุกก้าว ภายใต้การกำกับดูแลกิจการ และการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงการสร้างสมดุลทั้งในมิติสิ่งแวดล้อม มิติสังคม และมิติบรรษัทภิบาล (ESG) โดยเฉพาะในส่วนของมิติสังคม บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าในการพัฒนาแบบประกันภัยที่ช่วยตอบโจทย์การเข้าถึงได้ของประกันชีวิตให้กับทุกคน (Democratize Insurance) พร้อมสร้างความรู้ด้านการวางแผนการเงินและประกันภัย (Financial & Insurance Literacy) ให้กับประชาชนทั่วไป และการสนับสนุนกิจกรรมเพื่อการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอย่างยั่งยืน”

ด้านมิติสิ่งแวดล้อม เมืองไทยประกันชีวิตในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมโลก ได้ร่วมสนับสนุนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนผ่านโลกของเรา ประกาศความมุ่งมั่นในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Commitment) ด้วยเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์จากการดำเนินงานของบริษัทฯ (ขอบแขตที่ 1 และ 2)* ภายในปี 2573 (2030) ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินงานภายในบริษัทฯ

"ในปีนี้เราตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นปีที่ สีบานเย็นจะบานสะพรั่งทั่วประเทศ โดยเมืองไทยประกันชีวิตจะยกระดับความสุขให้กับทุกคน ทั้งลูกค้า พาร์ทเนอร์ พนักงานและฝ่ายขายของเรา และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ผ่านผลิตภัณฑ์ บริการ และช่องทางการขายต่าง ๆ สีบานเย็นจะรวมพลังกันอย่างแข็งแกร่ง เพื่อส่งมอบความสุขและรอยยิ้มให้ลูกค้าคนสำคัญของเราทุกคนและจะเพิ่มตัวแทนขายจาก 15,000 คนเป็น20,000 คนและจะต้องมีการเคลื่อนไหวในอัตราประมาณ70% เพื่อที่จะให้รองรับกับลูกค้าและเพิ่มฐานลูกค้าจากปัจุบัน ดูแลลูกค้าอยู่ 3.8ล้านคน " นายสาระ กล่าว

นายสาระกล่าวถึง เปิดเผยถึงการกำหนดหลักเกณฑ์การให้มีค่าใช้จ่ายร่วม (Copayment) เมืองไทยประกันชีวิตจะมีการบังคับใช้หลักเกณฑ์ดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค. เป็นต้นไป โดยมีผลเฉพาะลูกค้าใหม่ และกรมธรรม์ใหม่เท่านั้น ขณะที่ลูกค้าเดิม และการต่ออายุกรมธรรม์เก่าจะไม่มีผลบังคับใช้ CoPayment ทั้งนี้รายละเอียดเงื่อนไข CoPayment จะมีการแถลงข่าวโดยสมาคมประกันชีวิตไทยในวันที่ 6 ก.พ.

” CoPayment คือการที่ผู้ถือกรมธรรม์จะต้องมีส่วนในการรับผิดชอบค่าใช้จ่าย เป็น%ที่กำหนด  กรณีที่มีการเคลม จะแตะระดับทริกเกอร์ 200% ติดกัน3ครั้ง และมีอัตรา ALLเคลม เกิน400% ติดกัน3ครั้ง แต่กรณีที่การเคลมไม่ถึงการคุ้มครองบาทแรกก็ยังอยู่ “