“ดร.รักษ์”โชว์วิสัยทัศน์ยกระดับ BAM เป็นมากAMC เติบโตอย่างยั่งยืน ตั้งเป้าเรียกเก็บ1.7หมื่นล้านบาท เตรียมดึงบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์-นันแบงก์ ต่อยอดธุรกิจ
Categories : Update News, Stock Market, Property
Public : 09/05/2025BAM ย้ำเป้าปี 68 มั่นใจผลเรียกเก็บหนี้ตามเป้า17,000 ล้านบาท จัดงบซื้อทรัพย์บริหาร 8,800 ล้านบาท ชูกลยุทธ์ 3P ยกระดับองค์กรให้เป็นมากกว่า AMC พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหุ้นและนักลงทุน พร้อมประเมินตลาดบ้านในประเทศจะฟื้นตัวเล็กน้อยในกลุ่มบ้านเดี่ยวระดับกลางถึงระดับบน รับศก.ชะลอ - แผ่นดินไหวกระทบการตัดสินใจซื้อ
นายรักษ์ วรกิจโภคาทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM เปิดเผยว่าในปีนี้ยังคงตั้งเป้าหมายผลเรียกเก็บ1.7หมื่นล้านบาทและตั้งเป้าซื้อทรัพย์มาบริหารเพิ่ม 8,800 ล้านบาท และคาดว่ามีผลกำไรที่ดีขึ้น แต่ทั้งนี้ ยังต้องติดตามปัจจัยต่างๆที่มีผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจ
“ผลการเรียกเก็บปีนี้ที่ 15,000 ล้านบาทจะได้แน่นอน แต่เป้าหมายเดิมที่ 17,000 กว่าล้านบาทนั้น มีโอกาสเป็นไปได้ประมาณ 70% แต่ทั้งนี้ ยังต้องดูปัจจัยต่างๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย เพราะขณะนี้มีปัจจัยที่มีความไม่แน่นอนค่อนข้างมาก”นายรักษ์ กล่าว
สำหรับภาพรวมหนี้ด้อยคุณภาพ หรือ NPL ในระบบสถาบันการเงิน ณ สิ้นปี 67 อยู่ที่ 2.02 ล้านล้านบาท และมีทรัพย์สินรอการขาย NPA จำนวน 193,526 ล้านบาท ขณะที่ BAM มี NPL ในความดูแล ณ สิ้นปี 67 จำนวน 503,603 ล้านบาท คิดเป็น 24.86% ของระบบสถาบันการเงิน รวมทั้งมี NPA จำนวน 74,517 ล้านบาท คิดเป็น 38.50% ของระบบสถาบันการเงิน
นายรักษ์กล่าวว่าBAM มีเป้าหมายเป็น Business Recycling Machine เพื่อช่วยพลิกฟื้นลูกหนี้ให้สามารถเดินหน้าธุรกิจต่อไปได้ รวมถึงสร้างการเติบโตของบริษัทให้แข็งแกร่งด้วยแผนกลยุทธ์เชิงรุก 3P ได้แก่ People , Partnerships และ Platforms/Process เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ถือหุ้นและนักลงทุน

ขณะเดียวกัน BAM พร้อมเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อช่วยแก้ไขหนี้อย่างยั่งยืนควบคู่กับการสร้างวินัยทางการเงิน พร้อมทั้ง BAM ยังบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขายให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้การลงทุนใน NPA ของ BAM เป็น Investment of Choice เป็นโอกาสทองของการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มือสอง ถึงแม้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์จะมีปัจจัยที่ท้าทายด้วยเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า พร้อมกับหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง แต่ BAM ยังสามารถนำทรัพย์สินเหล่านี้มาสร้างมูลค่าเพิ่ม นำเสนอลูกค้าตามกลุ่มเป้าหมาย ด้วยช่องทางและแพลตฟอร์มต่างๆที่หลากหลาย
นอกจากนี้ยังเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วย BAM Digital พัฒนาโครงสร้าง IT ด้วยระบบ AI และพัฒนา BAM Choice Application ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกหนี้ซึ่งสามารถชำระเงิน ตรวจสอบภาระหนี้คงเหลือ การติดต่อกับเจ้าหน้าที่ การขอเอกสารสำคัญ ในขณะที่เมนู BAM Select จะช่วยลูกค้าค้นหาทรัพย์ได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น โดยค้นหาและเปรียบเทียบตามช่วงราคา-พื้นที่ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถทำธุรกรรมต่างๆ ได้สะดวก โดยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ 15 พ.ค. นี้
นายรักษ์กล่าวว่าBAMจะคัดสินทรัพย์ชิ้นงาม300รายการ มูลค่า3ล้านบาทขึ้นไปมาเสนอขาย โดยจะเซ็นเอ็มโอยูกับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อช่วยปรับปรุงสินทรัพย์และขายสินทรัพย์และเซ็นเอ็มโอยูกับนันแบงก์เพื่อขยายช่องทางการเข้าถึงสินเชื่อ นอกจากนี้BAM อาจจะพิจารณาปล่อยสินเชื่อเองด้วย
“การเข้ารับตำแหน่งครั้งนี้ ถือว่ามีความท้าทายการบริหารงานภายใต้เศรษฐกิจที่ชะลอตัวและการแข่งขันที่สูง โดยมีเป้าหมายยกระดับ BAM ให้เป็นมากกว่า AMC รวมทั้งยังคงบทบาทที่จะเข้าไปช่วยจัดการปัญหาหนี้เสียไม่ให้ไหลเข้าสู่ระบบสถาบันการเงิน ด้วยการบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพทั้ง NPL และ NPA. รวมถึงสร้างผลกำไรให้เติบโตอย่างยั่งยืน และช่วยลูกค้ากลุ่มเปราะบาง”นายรักษ์ กล่าว
นายรักษ์กล่าวว่าแนวโน้มภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ว่ามีแนวโน้มฟื้นตัวเล็กน้อย โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวระดับกลางถึงระดับบน และตลาดให้เช่าที่อยู่อาศัย โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก มาตรการช่วยเหลือจากภาคอสังหาริมทรัพย์ เช่น การผ่อนปรน LTV ลดค่าโอนและจดจำนอง การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ 2.6 แสนล้านบาท
สำหรับภาพรวมหนี้ด้อยคุณภาพ หรือ NPL ในระบบสถาบันการเงิน ณ สิ้นปี 67 อยู่ที่ 2.02 ล้านล้านบาท และมีทรัพย์สินรอการขาย NPA จำนวน 193,526 ล้านบาท ขณะที่ BAM มี NPL ในความดูแล ณ สิ้นปี 67 จำนวน 503,603 ล้านบาท คิดเป็น 24.86% ของระบบสถาบันการเงิน รวมทั้งมี NPA จำนวน 74,517 ล้านบาท คิดเป็น 38.50% ของระบบสถาบันการเงิน