เปิดวิสัยทัศน์ “ผู้ก่อตั้งและซีอีโอบ้านปู” กับการขับเคลื่อนธุรกิจพลังงานกว่า 40 ปี
Categories :
Public : 06/01/2023บ้านปู เฉลิมฉลองครั้งใหญ่รับวาระ 40 ปี ต้อนรับพันธมิตรภาครัฐและเอกชนอบอุ่น เดินหน้าสร้างความเชื่อมั่น “ส่งมอบอนาคตพลังงานเพื่อความยั่งยืน”
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) จัดงานเฉลิมฉลองในวาระครบรอบ 40 ปี แห่งการดำเนินธุรกิจจนก้าวสู่การเป็น “ผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ” ที่ช่วยขับเคลื่อนการสร้างความยั่งยืนด้านพลังงานทั้งในประเทศไทย อินโดนีเซีย จีน ออสเตรเลีย ลาวมองโกเลีย ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม พร้อมเน้นย้ำเป้าหมายการเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยการพัฒนาธุรกิจให้สอดรับกับเทรนด์พลังงานแห่งอนาคต ควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับผู้คน
จากวันแรกของการก่อตั้ง บริษัท เหมืองบ้านปู จำกัด ที่หมู่บ้านบ้านปู อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ในปี 2526 บ้านปูได้เติบใหญ่จนกลายเป็นผู้นำของธุรกิจพลังงานในระดับนานาชาติ ผ่าน 3กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงานกลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน และกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน กว่า 4 ทศวรรษที่ผ่านมา บ้านปูสามารถปรับตัวและขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวข้ามทุกความท้าทาย และพร้อมเติบโตสู่อนาคตตามกลยุทธ์ “Greener & Smarter” ที่มุ่งส่งมอบโซลูชันด้านพลังงานที่ดีที่สุด ตอบโจทย์ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับผู้คน และสร้างความยั่งยืนด้านพลังงานให้กับโลกตามพันธสัญญา“พลังบ้านปู สู่พลังงานที่ยั่งยืน (Our Way in Energy)”
นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นทั้งผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอคนแรกที่ปลุกปั้นธุรกิจพลังงานของ “บ้านปู” ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วยเทคนิค “คิดให้ทัน ทำให้เร็ว”กล่าวว่า “นับตั้งแต่เริ่มต้นธุรกิจเมื่อ 40 ปีที่แล้วบ้านปูยังคงยึดมั่นในปณิธานที่ว่า‘อุตสาหกรรมที่ดีจะต้องพัฒนาควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม’ ซึ่งเป็นกรอบการดำเนินธุรกิจและเข็มทิศที่ช่วยชี้แนวทางการทำงาน จนกลายเป็นอัตลักษณ์ของเรา และเมื่อบริบทของสังคมเปลี่ยนแปลงไป เราก็ได้ปรับวิธีคิดและวิธีการทำงานให้สอดคล้องกับหลักการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งคำนึงถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ (ESG) พร้อมกับการเป็นพลเมืองดีในทุกที่ที่เราเข้าไปดำเนินธุรกิจ (Good Corporate Citizen) และที่สำคัญ เราทั้งยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของ ‘คน’ ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้บ้านปูสามารถเอาชนะความท้าทายและวิกฤติต่าง ๆ จนก้าวสู่การเป็นองค์กรระดับนานาชาติที่ประสบความสำเร็จ พร้อมไปกับการแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมรอบตัวอยู่เสมอ”
นายเมธี เอื้ออภิญญกุล กรรมการ บริษัทบ้านปู จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งทั้งสามท่านของบ้านปู กล่าวว่า “ผมคิดว่า กุญแจสำคัญที่ทำให้เราประสบความสำเร็จได้ทุกวันนี้ คือ ‘ผู้นำ’ อย่างคุณชนินท์ ที่สามารถผสานความร่วมมือกับผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญหลายแขนง ทั้งยังทุ่มงบประมาณจำนวนมากในการพัฒนาศักยภาพของ ‘คนบ้านปู’ เพราะมองว่า ‘คน’ คือทรัพยากรที่สำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโต นอกจากนั้นแล้ว ความสัมพันธ์เชิงบวกที่เรามีให้กับผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมดตลอด 40 ปีที่ผ่านมา ก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การดำเนินธุรกิจของเราเป็นไปอย่างราบรื่น และสามารถตอบแทนสังคมได้ในเวลาเดียวกัน”
นายองอาจ เอื้ออภิญญกุล กรรมการ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) อีกหนึ่งผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทฯ เสริมว่า “ผมกับคุณชนินท์รู้จักกันมาก่อนตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ในเวลาต่อมา เมื่อผมเริ่มมองหาแหล่งเชื้อเพลิงทางเลือกสำหรับบ่มใบยาสูบซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัว ก็ได้พบกับถ่านหินซึ่งเป็นแหล่งพลังงานจากธรรมชาติ ประกอบกับ ณ เวลานั้นทั่วโลกเกิดวิกฤตราคาน้ำมันขึ้น และประเทศไทยเองก็นำเข้าน้ำมันเกือบ 100% ดังนั้นเมื่อมีแหล่งพลังงานจากธรรมชาติที่พอจะทดแทนเชื้อเพลิงจากน้ำมันได้ จึงเป็นความหวังในการพึ่งพาแหล่งพลังงานภายในประเทศ ผมและคุณเมธีจึงมองเห็นโอกาสที่จะเริ่มต้นทำธุรกิจเหมืองถ่านหินและได้ชักชวนคุณชนินท์ให้มาเริ่มต้นทำด้วยกัน”
“ช่วงแรกที่เริ่มทำธุรกิจเมื่อ 40 ปีที่แล้วถือว่าไม่ง่ายเลย เราต้องเดินเท้ากันเป็นวัน ๆ เข้าไปตั้งแคมป์อยู่กลางป่าเป็นเวลาหลายเดือน ส่วนเรื่องการติดต่อสื่อสารนั้นถือว่ายากมาก เพราะในยุคนั้นยังไม่มีโทรศัพท์มือถือ แต่สิ่งที่เรามีคือ ‘ทีมงานที่เชี่ยวชาญ’ ที่หมั่นเติมความรู้และมองหาโอกาสอยู่เสมอ ทั้งจากหนังสือ บุคคล และเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งศึกษาและฝึกฝนจนเกิดเป็น ‘ความมั่นใจและกล้าลงทุน’ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ทำให้บ้านปูปรับตัวเข้ากับเทรนด์ด้านพลังงานและสถานการณ์ของโลกได้เป็นอย่างดี และสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศครั้งแรกที่เรา ‘ลงทุนซื้อเหมืองที่อินโดนีเซีย’ เพื่อเป็นฐานการผลิตเพื่อการส่งออก ซึ่งนั่นทำให้บ้านปูประสบความสำเร็จอย่างก้าวกระโดด ก่อนจะเดินหน้าขยายธุรกิจในประเทศอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง และเติบโตอย่างแข็งแกร่งจนถึงปัจจุบัน”