“วราวิช ฉิมตะวัน กัปตันพาPLTก้าวสู่การเป็น บจ.!!!

Categories :

Public : 04/26/2023

 การทำธุรกิจในยุคนี้เราจะเห็นผู้บริหารหรือ” ซีอีโอ” ที่เป็นคนหนุ่มในรุ่น เจนเนอเรชั่นที่2 เข้ามามีบทบาทและตัดสินใจ ในการนำพาธุรกิจให้เติบโตได้อย่างมั่นคง และก้าวข้ามการเป็นธุรกิจ “ครอบครัว”สู่การเป็นบจ.

 เช่นเดียวกับ  บมจ.บริษัท พีลาทัส มารีน   หรือ PLT  ของกลุ่ม”ตระกูลฉิมตะวัน “   ดำเนินธุรกิจขนส่งก๊าซปิโตรเลียมเหลว (Liquid Petroleum Gas หรือ LPG) ทางเรือ และรถยนต์

วันนี้ PLT มี “ วราวิช ฉิมตะวัน “ เป็น กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  หรือ เป็นกัปตัน และเป็นผู้บริหารในเจนเนอเรชั่นที่ 2 ที่ตัดสินใจ นำ PLT เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ mai

 โดยได้เสนอขายหุ้นให้กับประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 280 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 29.17 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท  ในราคาหุ้นละ1.55 บาทโดยมีราคาพาร์ที่ 0.50บาทและ ได้เงินจากการระดมทุนทั้งสิ้น  434 ล้านบาท การขายหุ้นไอพีโอ ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว และหุ้น PLT จะเข้าซื้อขายในmai  วันที่ 27เมษายนนี้

          Wealthplustoday ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ “วราวิช ฉิมตะวัน” ซีอีโอหนุ่ม PLT ถึงเหตุผลของการนำบริษัทเข้าระดมทุนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai   ว่า หลังจากผมเข้ามาช่วยคุณพ่อในการทำธุรกิจ ซึ่งถือว่าตอนนั้นกิจการขยายตัวได้ดีและเร็วมาก แต่สิ่งที่เราเจอถือ ต้นทุนทางการเงินที่สูงมาก เพราะแหล่งเงินทุนหลักที่นำมาขยายกองเรือ   เพื่อรับงานในขนส่ง ก๊าซปิโตรเลียมเหลวให้ลูกค้ารายใหญ่มาตรา 7

 คือการกู้จากบริษัทลิสซิ่ง ที่ในช่วงแรกๆของการทำนั้นมีอัตราดอกเบี้ยเกิน 10%  เพราะต้องยอมรับเราใหม่ สถาบันการเงินยังไม่เข้ามาสนับสนุนเงินทุนหลักจึงมาจากลิสซิ่งเมื่อผมเข้ามา ภารกิจแรก คือหาทางในการลดต้นทุนการเงิน ผมเดินสายขอลดต้นและขยายระยะเวลาในการชำระเพื่อ เพราะเท่ากับว่า ธุรกิจดี รายได้เข้ามาแต่ต้องผ่อนดอกเบี้ยเป็นหลัก … ซึ่งผลการเจรจาสำเร็จ ลิสลิ่งยอมลดและผมก็ทำธุรกิจได้ ตัวเลขทางการเงินดีขึ้นเรื่อยๆ จนธนาคารเข้ามาและสนับสนุนสินเชื่อและต้นทุนการเงินก็ลดลงมา ในที่สุดเหลือ 4-5%ตามตลาดปกติ “

 ขณะที่กองเรือของบริษัทก็เพิ่มขึ้นเรื่อยจาก 3 ลำสู่ 19 ลำในปัจจุบัน กับระยะเวลา 13 ปีที่ทำธุรกิจของบริษั  และ ผมเห็นว่าหากเราต้องเติบโตไปกับลูกค้ารายใหญ่ และ ต้องการขยายน่าน้ำ สู่ต่างประเทศ การตัดสินใจ พาบริษัทข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จะเป็นแนวทางที่บริษัทมีต้นทุนการทำธุรกิจที่ลดลงไปอีกและสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนมั่นคง เพราะการเป็นบริษัทมหาชน จะทำให้บริษัทก้าวข้ามจากธุรกิจครอบครัว มาสู่ บริษัทมหาชน และจะมีผู้บริหารและคนเก่งๆที่จะเข้ามาร่วมทำงานกับบริษัทเพิ่มมากขึ้น  เพราะ ผมก็ไม่รู้ว่า หลังจากรุ่นผม ไปสู่รุ่นลูกหลานจะเป็นอย่างไร แต่การที่เรามีมืออาชีพเข้ามาร่วมบริหาร ผมเชื่อว่าจะทำให้ “  PLT”เติบโตมั่นคง

 วราวิช กล่าวว่า เงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้จะนำไปขยายกองเรือเพิ่มขึ้น 5ลำ ซึ่งเป็นเรือใหญ่ 4 ลำ 2 ลำเพื่อบริการในประเทศ อีก 2ลำจะขยายน่าน้ำสู่เวียดนามและต่างประเทศ และอีก 1 ลำเล็ก  ใช้ในประเทศ ซึ่งการเพิ่มกองเรือ จะทำให้อายุเรือเฉลี่ยของบริษัทลงมาเหลือ 25 ปีจากปัจจุบัน30ปีซึ่งถือว่า อายุน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับเจ้าอื่นๆที่ทำธุรกิจเดียวกันที่อายุเกิน 40ปี การมีกองเรือที่หนุ่นหรือสาวขึ้นจะทำให้ บริษัทได้รับการจัดอับดับเครดิตจากลูกค้า ดีขึ้นจากอดีตC ก็ขึ้นมา B และ Aคือเป้าหมายหลัก และจะทำให้ค่าฟีตขยับขึ้นตามไปด้วย และที่สุดจะทำให้รายได้และมาร์จิ้นดีขึ้น  รวมถึงจะขยายกองรถยนต์เพิ่มขึ้นด้วย

“ หลังเข้าตลาด mai บริษัทจะออกน่านน้ำต่างประเทศเวียดนามคือเป้าหมายเพราะมีลูกค้าที่พร้อมใช้บริการ และในการตัดสินใจเพิ่มกองเรือนั้นมาจากความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ หรือพูดให้ชัดคือไม่ซื้อเรือมาลอยลำแต่ซื้อแล้วขนสินค้าได้ทันที และเรือที่จะออกไปเวียดนาม 2 ลำจะเป็นลักษณะการให้เช่า ที่เราบริหารจัดการทั้งหมดให้ลูกค้า ดังนั้นบริษัทจะมีรายได้จากค่าเช่าเข้ามาและจะสนับสนุนให้โครงสร้างรายได้มีเสถียรภาพมากขึ้นไปอีก  “ ซีอีโอหนุ่มกล่าว

ทั้งนี้ผลประกอบการ 4 ปีก่อนหน้า (ปี 2562 – 2565) บริษัทมีรายได้รวมจากการให้บริการขนส่ง 707.77 ล้านบาท 637.75 ล้านบาท 665.34 ล้านบาท และ 794.16 ล้านบาท ตามลำดับ โดยรายได้ในปี 2565 เติบโต 17.13% จากปีก่อนหน้า เนื่องจากปริมาณการขนส่งทางเรือและทางรถที่เพิ่มขึ้นหลังสถานการณ์โควิดผ่อนคลายลง และมีกำไรสุทธิ 4 ปีก่อนหน้า เท่ากับ 69 ล้านบาท 35.93 ล้านบาท 55.07 ล้านบาท และ 62.21 ล้านบาท ตามลำดับ โดยปัจจุบัน สัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจขนส่ง LPG ทางเรือประมาณ 94% และทางรถประมาณ 6%

 อย่างไรก็ตาม  บริษัทและบริษัทย่อยมีการให้บริการในลักษณะว่าจ้างขนส่งแบบทำสัญญาจ้างขนส่งล่วงหน้า (Contract of Affreightment) และแบบว่าจ้างขนส่งเป็นรายเที่ยว (Spot Charter)  มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายคือ ผู้จำหน่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลวรายใหญ่ในประเทศ  คือ กลุ่มบริษัทที่เป็นผู้ผลิตและ/หรือจำหน่ายก๊าซ LPG รายใหญ่ในประเทศไทย เช่น บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)  และ บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน)  ซึ่งเส้นทางขนส่งที่บริษัทและบริษัทย่อยให้บริการในปัจจุบัน จะเป็นในลักษณะเส้นทางเดินเรือกลเดินทะเลเฉพาะเขตครอบคลุมประเทศไทยในฝั่งอ่าวไทย และเรือกลเดินทะเลใกล้ฝั่ง (Near-coastal) ได้แก่ ประเทศกัมพูชา และเวียดนาม

 

    ตลอดระยะเวลาการทำธุรกิจบริษัทมีไม่ปัญหาในการส่งมอบและไม่มีอุบัติเหตุในการขนส่งแต่เพื่อความปลอดภัยบริษัทก็ได้ทำประกันภัยเรือทุกลำซึ่งต่อปีจะมีเบี้ยประกันภัยเกิดขึ้นและมีความคุ้มครองพันล้านเหรียญ เพราะความปลอดภัยคือหัวใจสำคัญมาก  !!!

           อนาคต “PLT” จะวิ่งฉิวออกสู่น่านน้ำสากล จะเติบโตด้วยกองเรือที่ใหญ่ขึ้น  วัยเยาว์ขึ้น ผู้ถือหุ้น และนักลงทุนที่จอง ไอพีโอ ให้มั่นใจ PLTจะเป็นทั้งหุ้นโกรทและปันผล

    อีกทั้ง ผู้ถือหุ้นใหญ่    นายฐกฤต ฉิมตะวัน,  นายธฤษณุ ฉิมตะวัน และ นางสาวธนภร ฉิมตะวัน ทำการ Lock-Up  หุ้นหรือไม่จำหน่ายหุ้น  ในช่วงระยะเวลา 3 เดือนนับจากวันที่หลักทรัพย์ของบริษัทเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เป็นวันแรก