“รอยัล คลิฟ”จากทรายเม็ดแรกสู่ “Well ness”
Categories :
Public : 19/09/2022"รอยัล คลิฟ โฮเต็ล กรุ๊ป "เปิดคัมภีร์ฝ่าวิกฤตโควิด19ทุ่ม 200ล้านปรับปรุงโรงแรมผุดสระว่ายน้ำไร้ขอบกว่า 100ล้านพร้อมเต็มที่รับเปิดประเทศ พร้อมผลักดันสู่ " Weall ness "
50 ปี "รอยัล คลิฟ โฮเต็ล กรุ๊ป" โรงแรมระดับ 5 ดาวแห่งเมืองพัทยา จากทรายเม็ดแรก สู่ Weall ness ที่ครบวงจร ใน เจนเนอร์เรชั่นที่ 2 ภายใต้การบริหารของ "วิทนาถ วรรธนะกุล" CEO หนุ่ม บุตรชายคนเล็กของ "คุณ พงา วรรธนะกุล " ผู้บุกบิกและได้รับคำกล่าวว่า "รอยัล คลิฟ"คือทรายเม็ดแรก!!
" โควิด19" คือวิกฤตครั้งใหญ่ที่สุดที่เผชิญมา ในการทำธุรกิจ ช่วง2ปีนี้ "รอยัลคริฟ "ผ่านวิกฤตมาได้อย่างไร ในภาวะที่อัตราการเข้าพัก(Occupancy Rate) เป็น "ศูนย์ " พนักงานกว่า 600 ชีวิตอยู่กันอย่างไร
Wealthplustoday พาไปพูดคุยกับ คุณวิทนาถ วรรธนะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร รอยัล คลิฟ โฮเต็ล กรุ๊ป

คุณวิทนาถ กล่าวว่า " ช่วง 2 ปีทางโรงแรมถือโอกาสในการปรับปรุงและสร้าง facilities ใหม่ๆๆเพื่อเตรียมต้อนรับและทำให้ลูกค้าประทับใจ อีกครั้งเมื่อกลับมาเปิดประเทศ
ซึ่ง 2 ปีเราใช้งบในการปรับปรุงทั้งหมดประมาณ 200 ล้านบาท และใช้มากที่สุดหรือ100ล้านบาท การปรับปรุงสระว่ายน้ำไร้ขอบ (infinity edge) ที่มีความยาว กว่า 160 เมตร ยาวที่สุดในประเทศไทยไว้ให้บริการลูกค้าเมื่อมีการเปิดประเทศและนักท่องเที่ยวกลับมา เรื่องเหล่านี้ถ้าในยามปกติเพราะจะไม่สามารถทำได้เลย
และเงินลงทุนในการปรับปรุงทั้งหมดเราใช้กระแสเงินสดภายในและไม่กู้สถาบันการเงินเลยเพราะ ตลอดเวลาเกือบ 50 ปีด้วยนโยบายการบริหารงานแบบระมัดระวังทำให้บริษัทไม่มีปัญหาเรื่องสภาพคล่องแต่ก็ยอมรับว่า 2 ปีนี้ตึงมาก "
นอกจากนี้ สร้าง mini water park ให้กับเด็กๆๆปรับปรุงห้องใหม่ เปลี่ยน furniture ใหม่ได้ ติดตั้งใหม่ เช่น air condition, ท่อน้ำ ปั้มน้ำใหม่เพื่อตอนลูกค้าอาบน้ำใช้น้ำจะได้น้ำที่กรองมาแล้วและสะอาดมาก, ปรับปรุงครัว,ในห้องนอนก็ติดตั้งระบบ wifi และ IPTV เพื่อตอยสนองลูกค้าคนรุ่นใหม่ ที่อยากใช้ wifi ที่เร็วและอยากดู streaming service บน TV อย่างเช่น Netflix และ Disney+ ซึ่งเรื่องเหล่านี้เราทำเพื่อให้ "เมื่อลูกค้าเข้ามาจะได้รับการบริการและความพอใจสูงสุดเมื่อมาพักที่เรา


" ผมมีเป้าหมายชัดเจนว่าอนาคตจะให้ รอยัล คลิฟ คือ ศูนย์กลางการให้บริการด้าน Well ness ที่สำคัญของเมืองพัทยา ซึ่งตอนนี้เรามีสนามเทนนิส มีเรื่องเทรนนิ่งด้านกีฬา และการบริการในการดูแลเรื่องสุขภาพเพื่อรองรับลูกค้าที่เข้ามา โดยประสานกับทาง โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา และอนาคตจะมีเรื่องของทันตกรรมด้วยเพื่อทำให้พัทยา เป็นเมืองแห่งสุขภาพและกีฬา รวมถึงงานสัมมนาต่างๆ ด้วย และอยากเสนอให้ภาครัฐโปรโมทภาพใหม่ของพัทยาที่จะเป็นศุนย์รวมงานสัมมา Well ness ทั้งกีฬาและสุขภาพเพื่อตอกย้ำภาพจำใหม่ให้กับนักท่องเที่ยวทั้งโลก "
คุณวิทนาถ กล่าวว่า ช่วงโควิด19 รอยัล คลิฟ โฮเต็ล กรุ๊ป ไม่มีการเลิกจ้างพนักงานกว่า 600 คนที่มีอยู่และอันดับแรกช่วงเกิดวิกฤตเราดูแลเรื่องสุขภาพของพนักงานที่ ช่วงแรกของการระบาดพนักงานเราไม่มีใครติดโควิดเลย จนกว่าจะมีวัคซีน และขณะเดียวกันเราก็ร่วมแรกร่วมใจกันทำเฟสชีล บริจาคหน้ากากอนามัยให้กับหน่วยงานต่างๆในช่วงแรก
เมื่อผ่านมาระยะหนึ่งเรามาคิดว่า จะทำอย่างไร เมื่อัตราการเข้าพักเป็น "ศูนย์" จาก60-70% ก่อนโควิด19 นั้นหมายถึงรายได้ไม่มี แต่มีรายจ่ายเกิดขึ้นตลอดเวลา ทางผมและทีมฝ่ายการตลาดกับฝ่ายขายก็เสนอ หลายๆๆ idea ที่เราได้ทำกัน เป็นช่วงที่ช่วยให้องกรค์ ไปในทาง digital transformation โดยในช่วงนั้นทางรอยัลคลิฟหารายได้จาก
Street food โดยได้ทำร้านชื่อรุ่งอรุณที่รังสรรค์โดยเชฟระดับเวิลด์คลาส ในราคาที่ย่อมเยา อาหารจานเด็ดเช่น ผัดไทยกุ้ง ปาท่องโก๋ หมูปิ้ง ติ่มซำ สาคูใส้หมู และนี้คือเมนูยอดนิยมที่ทำให้เราผ่านโควิด19มาได้ รวมถึงการ Online food delivery , Online grocery ทางโรงแรมได้ซื้อ วัตถุดิบดีๆๆที่อยู่ใน stock อย่างเช่น steak ปลา salmon ลูกค้าสามารถสั่งไปทำอาหารที่บ้านได้และจัด Vouchers – โปรแกรมนี้ถือว่าประสบความสำเร็จมากๆๆ ได้รายได้ถึง 10 ล้านภายใน 1 เดือน ซึ่งเราออกราคาที่จูงใจลูกค้าบวกกับยึดระยะเวลาให้ลูกค้ามาใช้ตอนที่สะดวกมาพัก
" Data management – เริ่มจากปี 2020 ทางทีมงานก็ได้มีการจัดการเรื่อง data โดยการ เอา data มา update และวางแผนเรื่องการบริหาร data ให้ได้ดีขึ้น และ วิเคราะห์เรื่อง data ให้เป็นประโยชน์ในอนาคต" คุณวิทนาถกล่าว
"เราเที่ยวด้วยกัน" คือ oxygen ของธุรกิจโรงแรม เสนอรัฐทำมาตรการต่อคุณวิทนาถ กล่าวว่า ธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมเริ่มมี oxygen เข้ามาช่วยให้เราหายใจได้ดีขึ้นจากการที่รัฐ มีโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน" ออกมาเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นโครงการที่ช่วยให้คนไทยได้มาท่องเที่ยวในไทยมากขึ้น รวมถึงนโยบายการเปิดประเทศ โดยลดขั้นตอนการเข้าประเทศต่าง ๆ จึงทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยมามากขึ้น
อย่างไรก็ตาม อยากให้หน่วยงานภาครัฐ หรือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องขยายโครงการเราเที่ยวด้วยกันออกไปจนถึงปี 2566 เพื่อกระตุ้นท่องเที่ยว อีกทั้ง ยังช่วยลดภาระให้คนไทยที่ยังได้รับผลกระทบจากค่าครองชีพที่สูง ในขณะเดียวกันผู้ประกอบการโรงแรมหลาย ๆ แห่ง ยังต้องพึ่งตลาดไทยเที่ยวไทยช่วงปลายปีนี้ เพื่อให้ อัตราการเข้าพัก 60-70% รับช่วงโควิดลดลงเหลือ 0% จากปัจจุบันอัตราการเข้าพักเฉลี่ย อยู่ที่ 40-50% จากช่วงก่อนโควิดตัวเลขดังกล่าวสูงอยู่ที่ 60-70% ปถึงปีหน้าจะทำให้ Occupancy Rate กลับมาอยู่ที่ 60-70% ได้

“เราเที่ยวด้วยกันจะช่วยกระตุ้นเรื่องการท่องเที่ยว ยิ่งกำลังเข้าเทศกาลจะพลักดันให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวคึกคักขึ้น โครงการนี้ คือ oxygen ที่ต้องการ และ โปรแกรมสนับสนุน ส่งเสริมเรื่อง MICE ทั้งองค์กรไทยและต่างชาติ อาจเป็นทางเงินสนับสนุนเพื่อมาช่วยให้งานจัดขึ้นได้ช่วยเรื่องค่าใช้จ่าย สนับสนุนต่างชาติที่มาจัดงาน MICE ถ้าต่างชาติเข้ามาเยอะขึ้นก็จะส่งส่งผลให้ธุรกิจอื่นได้ผลประโยชน์ไปด้วย สุดท้าย คือ จัดทำโปรแกรมการตลาดเพื่อโปรโมทเมืองพัทยา ในรูปแบบ VDO เพื่อเชิญชวนต่างชาติให้มาพัทยา เพราะตอนนี้ภาพลักษณ์พัทยาเปลี่ยนไป แต่ต่างชาติส่วนใหญ่ยังไม่รู้ว่าตอนนี้ พัทยาเป็นเมืองสำหรับครอบครัว กีฬา และ การประชุม MICE มีกิจกรรมดี ๆ ที่ให้ทำมากมาย ” คุณวิทนาถ กล่าว
นอกจากนี้ กลุ่มผู้เข้าพักของโรงแรมประมาณ 75% เป็นคนไทย และ จากทางยุโรป และ อินเดีย รวมกันอีกประมาณ 15% และ ทางโซนอาเซียน (AEC) ประกอบด้วย สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม อีกประมาณ 10% ซึ่งถือได้ว่าตอนนี้เริ่มมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้นจาก 2 ปีที่ผ่านอย่างมาก
" ตอนนี้ท่องเที่ยวยังกลับมาไม่เต็มที่เพราะจีนยัง ปิดประเทศของจีน เศรษฐกิจของประเทศในแถบยุโรป ได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซียและยูเครน แต่การที่บาทอ่อนค่าจะหนุนให้การท่องเที่ยวดีขึ้น และเมื่อเราเปิดประเทศการกลับมาเริ่มมากขึ้น ทางภาครัฐคาดนักท่องเที่ยวจะทะลุ 10 ล้านคน และ สร้างรายได้มากกว่า 2 แสนล้านบาท ประกอบกับ ข้อมูลจากบุ๊คกิ๊งดอทคอม พบว่า ประเทศไทยเป็นเป้าหมายที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางมาไทย และ การเดินทางมาไทยสะดวกมากกว่าหลายๆ ประเทศ และ เรื่องอีลิตการ์ดที่ต่างชาติมีทรัพย์สินเยอะที่ไทยจะพยายามดึงเศรษฐีมาไทย ประเด็นเหล่านี้คาดหวังว่าจะทำให้การท่องเที่ยวไทยและพัทยาฟื้นตัวดีขึ้น "
คุณวิทนาถ กล่าวว่า ด้านปัจจัยลบ คือ โรคระบาด ซึ่งโควิดจะกลายพันธุ์อีกหรือไม่ และ โรคระบาดอื่น ๆ ที่ไม่รู้จะมีหรือไม่ ตลอดจนค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวอาจจะให้ดูตรงนี้ว่า จะทำอย่างไรไม่ให้มีผลกระทบมากจนเกินไป และ เงินเฟ้อ ค่าครองชีพจะกระทบตลาดในประเทศที่จะเดินทาง และ ที่สำคัญอีกอัน คือ คู่แข่งจากต่างประเทศ ทั้งฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ ต่างดึงดูดการท่องเที่ยว ดังนั้น ไทยต้องมีมาร์เก็ตติ้งแคมเปญที่จะสามารกแข่งกับเพื่อนบ้านเหล่านี้ได้