กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ชวนร่วมสนับสนุนโครงการ FOOD FOR GOOD ส่งเสริมโภชนาการที่ดีเพื่อเด็กไทย

Categories : Finance, ESG News

Public : 10/19/2022
 

เพราะโภชนาการที่ดีคือรากฐานของการเจริญเติบโต กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ผู้ให้บริการด้านบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลชั้นนำ ในฐานะองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน จึงเชิญชวนสมาชิกบัตรเครดิตในเครือกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ร่วมสนับสนุนการทำงานของโครงการ FOOD FOR GOOD ภายใต้มูลนิธิยุวพัฒน์ ซึ่งมุ่งขจัดปัญหาทุพโภชนาการเด็กในประเทศไทย ด้วยการระดมทรัพยากร เพื่อนำไปจัดสรรให้กับโรงเรียนที่ขาดแคลน และสนับสนุนงบเพื่อจัดซื้อวัตถุดิบ ทำการเกษตร ดูแลระบบน้ำดื่มสะอาด เพื่อสร้างความยั่งยืนของแหล่งอาหารปลอดภัย พร้อมส่งเสริมความรู้ด้านโภชนาการและการจัดการงานอาหารในโรงเรียน ให้ครูสามารถจัดอาหารที่มีประโยชน์ สารอาหารครบถ้วน ดูแลเด็กนักเรียนให้ได้รับประทานอย่างเหมาะสม หลากหลาย และเพียงพอ เพื่อให้มีภาวะโภชนาการที่ดี โดยผู้ที่สนใจสามารถร่วมบริจาคเป็นเงิน ผ่านวงเงินบัตรเครดิต หรือบริจาคคะแนนสะสมบัตรเครดิตเพื่อแลกเป็นเงินบริจาคผ่านแอปพลิเคชัน UCHOOSE

สมหวัง โตรักตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บัตรกรุงศรีอยุธยา จำกัด ในฐานะตัวแทนบัตรเครดิตในเครือกรุงศรี คอนซูมเมอร์ กล่าวว่า “ประโยคที่ว่า ‘โภชนาการที่ดีคือรากฐานของการเจริญเติบโต’ คือสิ่งที่ทำให้กรุงศรี คอนซูมเมอร์สนใจการทำงานของ FOOD FOR GOOD เพราะแสดงถึงมุมมองที่สร้างความเติบโตอย่างยั่งยืน เรามองว่าธุรกิจสามารถช่วยสร้างสิ่งดีๆ ตอบแทนให้กับสังคมได้ โดยใช้ความเชี่ยวชาญที่มี ซึ่งสำหรับกรุงศรี คอนซูมเมอร์นั้น เราเข้ามาช่วยได้ในสองส่วน คือการระดมทุนและการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของมูลนิธิ”

ในส่วนของการระดมทุน กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ในฐานะผู้ให้บริการด้านบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลชั้นนำของไทย ซึ่งมีสมาชิกบัตรกว่า 9.5 ล้านบัญชี และมีพันธมิตรร้านอาหารชั้นนำทั่วไทยได้ดำเนินการระดมทุนผ่านแคมเปญ “Cashback ให้ใจ พี่อิ่มท้อง น้องอิ่มด้วย” ซึ่งประกอบด้วยกิจกรรมสองส่วน ส่วนแรก คือ การระดมทุนโดยเชิญชวนให้สมาชิกบัตรเครดิตในเครือกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ร่วมสนับสนุนโภชนาการที่ดีเพื่อเด็กไทย โดยทุก ๆ การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในเครือกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ที่ร่วมรายการ ที่ร้านอาหารทั่วไทยและแอปเดลิเวอรีชั้นนำ ตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป/เซลส์สลิป ตามเงื่อนไข กรุงศรี คอนซูมเมอร์ จะร่วมบริจาค 1 บาท ให้กับโครงการ FOOD FOR GOOD ซึ่งแคมเปญในเฟสแรกตั้งแต่ 10 พฤษภาคม – 31 กรกฎาคม 2565 ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี กรุงศรี คอนซูมเมอร์ จึงสานต่อแคมเปญเฟสสอง โดยทุก ๆ การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ ตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไป/เซลส์สลิป ตามเงื่อนไข กรุงศรี คอนซูมเมอร์ จะร่วมสมทบทุนบริจาค 5 บาท โดยสมาชิกบัตรสามารถร่วมกิจกรรมดี ๆ นี้ได้ ตั้งแต่ 17 สิงหาคม – 31 ตุลาคม 2565

 

นอกจากนี้ สำหรับลูกค้าที่สนใจอยากร่วมสนับสนุนกิจกรรมของ FOOD FOR GOOD เพิ่มเติม ยังสามารถใช้คะแนนสะสมบัตรเครดิต เพื่อบริจาคผ่านแอป UCHOOSE ทุก 1,000 คะแนน เท่ากับ 100 บาทหรือบริจาคเงินผ่านวงเงินบัตรเครดิตบนแอป UCHOOSE ให้กับ FOOD FOR GOOD ภายใต้มูลนิธิยุวพัฒน์ ได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ธันวาคม 2565

“เรื่องอาหารการกินเป็นเรื่องที่กรุงศรี คอนซูมเมอร์ เราถนัดอยู่แล้ว ด้วยฐานลูกค้าและเครือข่ายพันธมิตรร้านอาหารชั้นนำ เรามองว่า กรุงศรี คอนซูมเมอร์ น่าจะเป็นสะพาน ส่งต่อแรงสนับสนุนจากสมาชิกบัตรของเราเพื่อส่งเสริมให้เยาวชนไทย

ได้รับสารอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ นอกจากนี้ งานอีกส่วนที่เราช่วยสนับสนุนได้ คือการใช้ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี มาช่วยพัฒนาโปรแกรมเพื่อเป็นเครื่องมือในการช่วยเหลือโรงเรียน จัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลภาวะโภชนาการของเด็กนักเรียนอย่างเป็นระบบ เพื่อวางแผนการดูแลโภชนาการเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นายสมหวัง กล่าวเสริม

ประภาพรรณ บรรลุศิลป์ รองผู้อำนวยการโครงการ FOOD FOR GOOD ให้ความเห็นว่า “การที่จะดูแลโภชนาการเด็กได้ถูกต้องเหมาะสมนั้น เราต้องเข้าใจเด็กรายบุคคลว่าเขาต้องการอาหารในสัดส่วนและปริมาณที่ต่างกัน เราจึงให้ความสำคัญกับการเก็บข้อมูลภาวะโภชนาการเด็กนักเรียน และถ่ายทอดวิธีการดูแลเด็กทุพโภชนาการรายบุคคลให้กับคุณครู ซึ่งแต่ละโรงเรียนใช้โปรแกรมการเก็บข้อมูลที่ต่างกัน และยังมีข้อจำกัดเรื่องการเก็บข้อมูลเด็กคนเดิมต่อเนื่องหลายปี หรือการประเมินสถิติภาวะโภชนาการเด็กทั้งโรงเรียนในแบบที่เราต้องการ โปรแกรมที่กรุงศรี คอนซูมเมอร์มาช่วยพัฒนานี้ ช่วยให้การทำงานของทีมงาน FOOD FOR GOOD และคุณครูในโรงเรียน ที่ต้องคอยเก็บข้อมูลโภชนาการของเด็ก ๆ ทั้งน้ำหนักและส่วนสูง ง่ายขึ้นและเป็นระบบมากขึ้น รวมถึงมีเรื่องของวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติมขึ้นมาด้วย เรารู้สึกขอบคุณทีมกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ที่พยายามช่วยคิด และเสนอในสิ่งที่ตัวเองมีความเชี่ยวชาญ เพื่อมาเพิ่มกำลังให้กับเรา โดยเราหวังว่าจะสามารถเดินหน้าขยายการทำงานไปช่วยเหลือได้อีกหลายโรงเรียน เพราะระบบนี้เสมือนเป็นเครื่องทุ่นแรงให้ทีมงาน”