นายกฯ เปิดตัวโครงการ Ignite Finance ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการเงินระดับโลก
Categories : Update News, Finance
Public : 07/19/2024รัฐบาลประกาศเป็นศูนย์กลางทางการเงินระดับโลก หวังแข่งกับสิงคโปร์ เดินหน้าตั้ง NaCGA ค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ หนุนทุกฝ่ายเข้าถึงแหล่งทุน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดตัวโครงการ “Ignite Finance” เปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางของ 8 อุตสาหกรรมหลัก มุ่งสู่ศูนย์กลางการเงินระดับโลก เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ เปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจไทย จากการพึ่งพาการผลิตไปสู่เศรษฐกิจ ขับเคลื่อนด้วยอุตสาหกรรมบริการมูลค่าสูง โดยการสร้างประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสำคัญด้านการเงิน การลงทุน และการธนาคาร ด้วยการใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก ด้วยการพัฒนากฎหมายการกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง เพื่อดึงดูดเงินทุนต่างชาติและผู้เชี่ยวชาญ ที่มีทักษะสูงมายังประเทศไทย
“รัฐบาลมุ่ง ทำให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางทางการเงินระดับโลก ภายใต้โครงการ Ignite Finance รัฐบาลไม่เพียงมุ่งหวังที่จะพัฒนาภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจของประเทศ แต่ยังมุ่งหวังยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวไทยทุกคน โครงการ “Ignite Finance” ไม่เพียงสร้างประโยชน์กับธนาคาร แต่ได้สร้างองค์ความรู้ ดึงเงินลงทุน ดึงผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลก เพื่อปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจไทยให้ผลตอบแทนมหาศาล” นากรัฐมนตรี กล่าว
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า รัฐบาลต้องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินทัดเทียมกับต่างประเทศ ด้วยการประกาศ “จุดพลังงานทางการเงิน” ด้วยการพัฒนาโครงสร้างเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพและ เต็มไปด้วยนวัตกรรม เพื่อให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันได้ในเวทีการเงินโลก เพื่อรองรับระบบชำระเงินข้ามพรมแดน ผู้นำตลาดตราสารหนี้อย่างยั่งยืน คารร์บอนเดตดิต การรวมศูนย์ประสานหลายหน่วยงานเพื่อขอใบอนุญาต การให้สิทธิประโยชน์ด้านต่างๆ ให้กับภาคธุรกิจ
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่าปัจจัยสำคัญทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการเงินโลก (Thailand Financial Center) เพื่อรองรับการประกอบธุรกิจหลัก 5 ประเภท ได้แก่ ธุรกิจธนาคาร ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล และธุรกิจประกันภัย
ผ่าน 3 กุญแจสำคัญ ได้แก่ 1.การพัฒนากฎหมายให้ยืดหยุ่น เอื้อต่อการประกอบธุรกิจ ภาครัฐจะยกร่างกฎหมาย กำกับดูแลแบบเบ็ดเสร็จ เพื่อให้กระบวนการทั้งหมดตั้งแต่การขอใบอนุญาตจนถึงการกำกับดูแลมีประสิทธิภาพ เพื่อให้มีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างรวดเร็ว
2.สิทธิประโยชน์รูปแบบใหม่: Ignite Finance เพื่อสร้างให้ประเทศไทยเป็นตัวเลือกแรก สำหรับสถาบันการเงินต่างชาติ เข้ามาตั้งสาขาและประกอบธุรกิจ ด้วยสิทธิประโยชน์รูปแบบใหม่ รวมถึงการจัดตั้งบริษัทและการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว การให้วีซ่าทำงานแก่บุคลากรและวีซ่าที่เกี่ยวข้องของครอบครัว การจัดเก็บภาษีที่เทียบเท่ากับศูนย์กลางการเงินอื่น โครงการเพิ่มแรงจูงใจอื่น ๆ เช่น เงินสนับสนุน (Grant)
3.ระบบนิเวศน์แห่งอนาคต: Ignite Finance จะพัฒนากรอบกฎหมายที่เข้มแข็งและโปร่งใสที่จะเป็นพื้นฐาน ที่สำคัญในการทำธุรกิจทางการเงิน เหมือนที่ประเทศไทยได้ออกกฎหมายว่าด้วยการประกอบสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงให้ความสำคัญกับโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัยเพื่อสนับสนุนธุรกิจและคุณภาพชีวิตของบุคลากร
“การแข่งขันกับสิงคโปร์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการเงินในภูมิภาคอยู่แล้ว ไทยจึงต้องสร้างทำให้เป็นแหล่งให้ผลตอบแทนสูง การให้ความสะดวกในการดำเนินธุรกิจทุกด้าน มุ่งสร้างระบบนิเวศน์แห่งอนาคตเพื่อให้ไทยเป็นเมืองน่าอยู่ เพราะไทยมีทั้งวัฒนธรรม ประเพณี การท่องเที่ยว ธรรมชาติ จึงมั่นใจว่าไทยจะขยับเป็นศูนย์กลางทางการเงินได้” นายเผ่าภูมิ กล่าว
กระทรวงการคลัง ยังเดินหน้าจัดตั้งสถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ (National Credit Guarantee Agency: NaCGA) หน่วยงานดังกล่าวตั้งมาแล้วในหลายประเทศชั้นนำ จึงไม่ใช่เรื่องใหม่ เพื่อให้เป็นองค์กรขนาดใหญ่ ดูแลเรื่องการประกันความเสี่ยงทางการเงินให้กับบุคคล คลังเตรียมเสนอ ครม.ในเร็วๆนี้ เพื่อให้บุคคลเดินเข้าหา NaCGA พิจารณาข้อมูลพื้นฐานแล้วออกใบรับรองความเสี่ยง จากนั้นธนาคารจะเข้าหาบุคคลดังกล่าว เพื่อปล่อยกู้แทนการเดินเข้าหาแบงก์ในอดีต โดย NaCGA จะช่วยรับความเสี่ยงให้บางส่วน โดยทำงานแตกต่างจาก บสย. ค้ำประกันสินเชื่อในปัจจุบัน คาดว่าจัดตั้ง NaCGA ได้แล้วเสร็จใน 1 ปี ข้างหน้า