CGSI ยังชอบหุ้น 2 แบงก์ใหญ่ BBL-KBANK แนะซื้อ จัดการNPL ได้แข็งแกร่ง กำไร เติบโต จากNIMและกำไรเงินลงทุน

Categories : Update News, Stock Market, Finance

Public : 10/23/2024
 

CGSI ยังชอบหุ้น 2 แบงก์ใหญ่ BBL-KBANK แนะซื้อ จัดการNPL ได้แข็งแกร่ง กำไร เติบโต จากNIMและกำไรเงินลงทุน

ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ในไตรมาส 3/67 BBL ทำกำไรสุทธิได้ 1.25 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% yoy และ 5.7% qoq สูงกว่าประมาณการของ Bloomberg consensus 9% แต่ต่ำกว่าที่ฝ่ายวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ 6.5% ส่วนกำไรก่อนตั้งสำรองเติบโต 2.7% yoy แต่ลดลง 1.4% qoq

ปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนผลประกอบการของ BBL ไตรมาส 3/67 คือ ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยและกำไรจากเงินลงทุนที่แข็งแกร่ง รวมถึงกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน และอัตราการสำรองหนี้สูญที่ลดลง อย่างไรก็ตาม ยอดสินเชื่อในไตรมาส 3/67 ลดลง 3.9%yoy และ 3.0% qoq และลดลง 1.7% จากสิ้นปี 66 นอกจากนี้ยังมีอัตราส่วน NPL เพิ่มขึ้น qoq เป็น 3.4% เทียบจาก 3.2% ในไตรมาส 2/67 ขณะที่มีอัตราการสำรองหนี้สูญอยู่ที่ 122bp ลดลงจาก 153bp ในไตรมาส 2/67 ดังนั้นอัตราการตั้งสำรองต่อหนี้ NPL ของ BBL จึงลดลงจาก 283% ในไตรมาส 2/67 เป็น 266.6% ในไตรมาส 3/67 BBL มีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) อยู่ที่ 3.06% ในไตรมาส 3/67 เพิ่มขึ้นจาก 3.01% ในไตรมาส 2/67 เนื่องจากมีอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์สูงขึ้น แม้ว่าต้นทุนดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้น ดังนั้นรายได้ดอกเบี้ยสุทธิในไตรมาส 3/67 จึงลดลง 2.2% yoy แต่เพิ่มขึ้น 0.7% qoq ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเติบโตแข็งแกร่งถึง 47.6% yoy และ 19.8% qoq ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเติบโต 2.4% yoy และ 1.2% qoq นำโดยรายได้ค่าธรรมเนียมจากบริการประกันผ่านธนาคาร (bancassurance) และบริการกองทุนรวม เนื่องจากสถานการณ์ตลาดทุนดีขึ้นและนักลงทุนรับความเสี่ยงได้มากขึ้น BBL มีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้เพิ่มสูงขึ้น qoq เป็น 47.7% ในไตรมาส 3/67 เทียบจาก 44.1% ในไตรมาส 2/67 เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจากการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน รวมทั้ง ค่าใช้จ่ายทางการตลาด

นอกจากนี้พบว่าอัตราภาษีที่แท้จริงกลับมาอยู่ที่ 20% จากระดับต่ำกว่าปกติที่ 14% ในไตรมาส 2/67 ขณะที่ BBL นำกำไรสะสมมาจัดสรรเป็นเงินสำรองตามกฎหมายและเงินสำรองอื่นๆ จำนวน 5.5 พันล้านบาท ส่งผลให้อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (CAR) เพิ่มขึ้น qoq เป็น 20.8% ในไตรมาส 3/67 จาก 19.5% ไตรมาส 2/67 ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ยังแนะนำ “ซื้อ” BBL ที่ราคาเป้าหมาย 195 บาท เท่ากับ P/BV 0.62 เท่าในปี 68 โดยมองว่า BBL มีการประเมินมูลค่าน่าสนใจที่ P/BV เพียง 0.5 เท่าในปี 68 รวมทั้งมีอัตราส่วนการตั้งสำรองต่อหนี้ NPL แข็งแกร่งที่ 266.6% ในไตรมาส 3/68 และมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงสูงที่ 20.8% นอกจากนี้คาดว่าอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลจะอยู่ที่ 4.5-4.8% ต่อปี ในปี 67-69 ภายใต้สมมติฐานอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 29-30%

ยังคงเลือก BBL เป็นหนึ่งใน Top pick ของกลุ่มธนาคารไทย เพราะมีสัดส่วนสินเชื่อรายย่อยน้อยที่สุดและมีสินเชื่อลูกค้ากิจการต่างประเทศสูงถึง 25% ของยอดสินเชื่อรวมในไตรมาส 2/67 อย่างไรก็ตาม BBL จะมี downside risk หากความเสี่ยงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์สูงขึ้น และการลงทุนภาคเอกชนอ่อนตัว ส่วนปัจจัยบวกจะมาจากการเติบโตที่แข็งแกร่งของธุรกิจสินเชื่อในต่างประเทศ, อัตราการสำรองหนี้สูญที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญในปี 68-69 และมีการปรับชั้นสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่จาก NPL กลับมาเป็นสินเชื่อปกติมากขึ้นในปีหน้า

KBANK คาด EPS ปี 67-69 เติบโตดี เงินปันผลน่าสนใจ บริหาร NPLได้ดีขึ้น ยังแนะนำ “ซื้อ”

ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ในไตรมาส 3/67 KBANK ทำกำไรสุทธิได้ 1.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.1% yoy แต่ลดลง 5.4% qoq สอดคล้องประมาณการของ Bloomberg consensus แต่ต่ำกว่าที่ฝ่ายวิเคราะห์ฯคาดไว้ 10% ดังนั้น กำไรสุทธิ 9 เดือนแรกของปี 67 จึงอยู่ที่ 3.8 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.4% yoy คิดเป็น 78.8% ของประมาณการทั้งปี KBANK มีกำไรก่อนตั้งสำรองในไตรมาส 3/67 ลดลง 0.4% yoy และ 4.8% qoq ขณะที่อัตราการเติบโตของสินเชื่ออยู่ที่ 0% yoy, และลดลง 2.2% qoq และลดลง 2.1% จากสิ้นปี 66 ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้เกณฑ์การอนุมัติ สินเชื่อที่ระมัดระวัง บวกกับเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า นอกจากนี้ KBANK ยังมี NPL เพิ่มขึ้นเป็น 3.82% จาก 3.27% ในไตรมาส 2/67 และมีอัตราการตั้งสำรองต่อหนี้ NPL ลดลงเล็กน้อยเป็น 139% จาก 141% ในไตรมาส 2/67

ในไตรมาส 3/67 ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย(NIM) ของ KBANK ลดลงมาที่ 3.68% จาก 3.73% ในไตรมาส 2/67 เนื่องจากผลตอบแทนจากสินทรัพย์ลดลง ทำให้รายได้ดอกเบี้ยลดลง 2.6% yoy และ 1.2% qoq ส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยยังเติบโต 28% yoy แต่ลดลง 10.2% qoq เพราะรายได้สุทธิจากการรับประกันภัยลดลง อย่างไรก็ตาม รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเติบโตสูง 8.1% yoy และ 4.4% qoq จากการเพิ่มขึ้นของค่าธรรมเนียมรับจากบริการการค้าระหว่างประเทศและค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ขณะที่มีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้เพิ่มเป็น 44.2% จาก 43.4% ในไตรมาส 2/67 แต่ยอดค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานทรงตัว qoq

ทั้งนี้ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์ KBANK ยังคงเป้าหมายทางการเงินในปี 67 แต่มองว่าสินเชื่อน่าจะไม่สามารถเติบโตได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ 3- 5% ในปีนี้ เพราะยอดสินเชื่อ 9 เดือนขยายตัวต่ำกว่าคาด ขณะที่ยังตั้งเป้ารายได้ค่าธรรมเนียมเติบโตระหว่าง 5-9% ในปีนี้ ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่จะมาจากค่าธรรมเนียมรับจากการจัดการกองทุน, การให้บริการสินเชื่อและธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศ (Trade finance)

ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมในไตรมาส 4/67 จะเติบโตจากธุรกิจการบริหารความมั่งคั่ง (Wealth management) ขณะเดียวกันเป้าหมายอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ(CET-1)ระยะยาวของ KBANK ที่ 13-15% สะท้อนเสถียรภาพทางการเงิน, ผลตอบแทนที่ให้กับผู้ถือหุ้นและการลงทุนเพื่อการเติบโตแล้ว ทั้งนี้ CET-1อยู่ที่ 17.6% ในไตรมาส 3/67 นอกจากนี้ KBANK ยังคาดว่าอัตราการจ่ายเงินปันผลจะค่อยๆเพิ่มขึ้น

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ยังแนะนำ “ซื้อ” KBANK ราคาเป้าหมาย 188 บาทในปี 68 เท่ากับ P/BV 0.74 เท่า มองว่า ปี 67-69 EPS จะเติบโตดีในอัตรา 6.3-14.1%, อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลน่าสนใจที่ 5.0% ต่อปีในปี 67-69 และสามารถบริหารจัดการ NPL ได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตามมี downside risk หาก NPL กลุ่มสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคและสินเชื่อ SME สูงขึ้น รวมถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนปัจจัยบวกคือการที่ Bloomberg consensus ปรับเพิ่มประมาณการกำไรและอัตราการสำรองหนี้สูญกลับมาอยู่ในระดับปกติจากการใช้กลยุทธ์เคลียร์งบดุล