กกร. เผยประชุมเอเปคส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยใน 3-5 ปี สร้างเม็ดเงินกว่า 5-6 แสนล้านบาท

Categories :

Public : 12/21/2022

กกร. มองไทยเจ้าภาพประชุมเอเปคส่งผลประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมไทยในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า เป็นม็ดเงินประมาณ 5-6 แสนล้านบาท ขณะที่ระยะสั้นช่วยหนุนการท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยว และ ธุรกิจต่อเนื่อง

  นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และประธานร่วมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า จากการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 29 และ การประชุม APEC CEO Summit 2022 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ จะส่งผลประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมไทยในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า รวมทั้งสิ้นประมาณ 5-6 แสนล้านบาท

  ขณะที่ประโยชน์ระยะสั้น (ภายใน 3-6 เดือน) ส่งเสริมภาพลักษณ์ Soft Power และ ความเข้าใจต่อไทยผ่านการประชาสัมพันธ์ อาหาร และวัฒนธรรมไทยที่ได้นำเสนอผ่านการประชุมและงานเลี้ยงรับรองต่าง ๆ โดย ส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งน่าจะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น 1-2 แสนคน จากอิทธิพลของสื่อต่าง ๆ เรื่องเอเปค โดยจะสร้างรายได้ให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและธุรกิจต่อเนื่องของไทยถึงประมาณ 1 หมื่นล้านบาท

  และ สร้างการรับรู้และช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ (FDI) ในอุตสาหกรรม BCG พลังงาน ยานยนต์ไฟฟ้า EV เศรษฐกิจดิจิทัล และ อุตสาหกรรมภาคบริการ เช่น การท่องเที่ยว และ ธุรกิจบริการสุขภาพ เป็นต้น

  โดยเฉพาะในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ประโยชน์ระยะยาว (ภายใน 3-5 ปี) คาดว่าจะสร้างการลงทุน FDI มูลค่าประมาณ 6 แสนล้านบาท ภายใน 3-5 ปี จากปัจจัยต่อไปนี้

  1. การค้าและการลงทุนที่เพิ่มมากขึ้นระหว่างไทยกับจีน ทั้งนี้ ในการประชุมที่ผ่านมา ไทย และ จีน เห็นพ้องกันในการเพิ่มมูลค่า และ อำนวยความสะดวกทางการค้า โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและผลไม้ พร้อมทั้งส่งเสริมการลงทุนซึ่งกันและกันในอุตสาหกรรมดิจิทัล ยานยนต์ไฟฟ้า และ อุตสาหกรรมสีเขียวเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

  นอกจากนี้ ไทย-จีนจะใช้ประโยชน์จากความตกลง RCEP และ ส่งเสริมความเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะการเชื่อมโยงทางราง รวมถึงการดำเนินการโครงการรถไฟไทย-จีน ซึ่งคาดว่าการค้า และ การลงทุนระหว่างไทยกับจีนจะเพิ่มขึ้นประมาณ 1-2 แสนล้านบาท

  2. การค้า และ การลงทุนที่เพิ่มมากขึ้นระหว่างประเทศไทยกับซาอุดีอารเบียและ กลุ่มประเทศสมาชิกคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (Gulf Corporation Council-GCC) 6 ประเทศ ประกอบด้วย ซาอุดีอาระเบีย คูเวต การ์ตา โอมาน บาเรน และ ยูเออี โดยเฉพาะการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทย 12 สาขาในด้านพลังงาน ปิโตรเคมี เกษตร เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ สุขภาพแล ะบริการ ในพื้นที่ EEC ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าโดยรวมประมาณ 1-3 แสนล้านบาท

  3. การลงทุนในอุตสาหกรรม BCG ยานยนต์ไฟฟ้า และ พลังงานทดแทนที่มาจากประเทศอื่นนอกจากจีนและซาอุดีอาระเบีย ประมาณ 5 หมื่น - 1 แสนล้านบาท

  4. การลงทุนในเศรษฐกิจดิจิทัล E-commerce และ Robot ที่มาจากประเทศอื่นนอกจากจีน และซาอุดีอาระเบีย ประมาณ 5 หมื่น - 1 แสนล้านบาท

  5. การลงทุนในธุรกิจบริการอื่น ๆ เช่น การท่องเที่ยว การบริการสุขภาพและความงาม และ โลจิสติกส์ ที่มาจากประเทศอื่นนอกจากจีน และซาอุดีอาระเบีย ประมาณ 5 หมื่น - 1 แสนล้านบาท

  สำหรับภาคเอกชนเห็นว่า การจัดงาน APEC ในครั้งนี้ สร้างโอกาส และ เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก ดังนั้น โอกาสในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทยเปิดแล้ว และ เป็นโอกาสสำคัญกับหลาย ๆ Sector อาทิ ภาคการค้าและการลงทุน จะเกิดการจ้างงาน เกิดการพัฒนาทักษะใหม่ ๆ ให้กับคนไทย รวมถึงการถ่ายทอดทางเทคโนโลยีขั้นสูง

  ในขณะที่ภาคการท่องเที่ยวก็ได้รับอานิสงส์เช่นกันเชื่อว่า ในปี 2566 จำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มมากขึ้นกว่าปีนี้เป็นเท่าตัว และ จะมีนักท่องเที่ยวจากจีนเพิ่มเติมอีกในปีหน้า ซึ่งจะทำให้ภาคท่องเที่ยวและบริการของไทยฟื้นตัวขึ้นได้อย่างโดดเด่น